ความประทับใจ
ตอนเช้ามีการเปลี่ยนเวรเป็นพยาบาลคนใหม่มาดูน้องเหน่น เราเลยได้เห็นระบบดีๆของเขา ตรงที่จะมีครูมาดูด้วย เขาเลือกกิจกรรมตามอายุเด็กมาให้ น้องเหน่นใช้ได้แค่ 2 นิ้วข้างซ้ายเพราะโดนพันผ้าไว้ คุณครูก็เอาโน้ตบุ๊คมาให้เล่นเกมส์ภาษาอังกฤษ เตียงอื่นๆก็มีแบบฝึกหัดมีงานตามระดับชั้นเรียน เรามีนัดต้องเอาโครงร่างงานวิจัยไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาก็เลยต้องขอแว่บไป กลับมาอีกทีน้องเหน่นบอกว่ามีคนมาเล่นเกมส์ด้วย (เป็นอาสาสมัครที่เขามาช่วยเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนคุยให้เด็กๆที่มานอนป่วยในโรงพยาบาล เป็นอีกเรื่องที่ดีมากๆที่พบที่โน่น)
วันนั้นเป็นวันที่เราพ่อแม่ต้องวิ่งวุ่นสลับกัน เพราะพี่วั้นก็กลับมาจากโรงเรียนเองได้แต่น้องฟุงเราต้องไปรับจาก Unicare แล้วก็เผอิญเป็นช่วงที่ต้องส่งโครงร่างงานวิจัยด้วย เรียกว่าสับหลีกอะไรกันยุ่งยากมากๆ วันนั้นน้องเหน่นก็ยังต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีก 1 คืนเราต้องนอนอยู่ด้วย แต่ดีที่แผลยุบลงไม่ต้องผ่า ยาที่ให้เข้าเส้นเอาอยู่ อาหารโรงพยาบาลก็เป็นที่ถูกปากน้องเหน่นกินได้เยอะเชียว (อาจจะเพราะได้เปลี่ยนสไตล์ด้วย) มื้อเช้าเป็น corn flake, ขนมปังกับแซนวิชสเปร็ด, ฟรุ๊ตสลัด ส่วนกลางวันก็มีซุป, คัสตาร์ดและผลไม้ มื้อเย็นก็คล้ายๆกลางวัน พอวันรุ่งขึ้นก็แผลยุบดีกลับบ้านได้
ขบวนการตอนจะออกก็ไม่ยุ่งยาก ยกเว้นแต่ตอนไปเอายาที่อยู่ค่อนข้างลึกลับหน่อย และรอนานนิดนึง รู้สึกว่าระบบห้องยาของโรงพยาบาลที่เพิร์ธจะสู้ของบ้านเราไม่ค่อยได้นะคะ ทั้งของโรงพยาบาลเด็กและโรงพยาบาลผู้ใหญ่ และที่เห็นส่วนมากจะเป็นห้องขนาดย่อมเยากว่าโรงพยาบาลม.อ.ของเราเยอะ ที่สำหรับห้องยาดูจะปิดกว่าบ้านเราเยอะ เราจะได้เห็นก็แต่หน้าเภสัชกรอยู่ด้านหน้าเท่านั้น ไม่ได้เห็นด้านในว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ จะบอกว่าก็เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งหรือเปล่าไม่รู้ว่าทำให้รู้สึกว่ารอนาน เพราะเราไม่เห็นความวุ่นวายของคนที่กำลังจัดยาให้พวกเรา ต่างจากที่ม.อ.ที่เราได้เห็นว่าคนจัดยาเขายุ่งๆทำงานกันทุกคน รอนานหน่อยเราก็เห็นใจคนที่ทำงานกันยุ่งเชียว ครั้งที่ admit ที่โรงพยาบาล Princess Margaret Hospital นี้นั้นทางโรงพยาบาลติดต่อจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันไปเอง เราเลยไม่มีโอกาสได้รู้ว่าเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ สำหรับการนอนโรงพยาบาล 2 คืนของน้องเหน่น (เพราะประกันสุขภาพที่เราจ่ายแบบครอบครัวสำหรับนักเรียนทุน AUSAID คุ้มครองทั้งหมดเลย)
ต่อมาจาก series นี้ค่ะย้อนรอย PhD
น้องโอ๋เก่งมาก...เรียนไปด้วยพร้อมภาระหนักของคุณแม่..
ตามอ่านเรื่องเล่าสนุกๆครับ พี่โอ๋
เห็นด้วยคะว่า เรียนไปด้วย รับผิดชอบครอบครัว ตอนมีลูกเล็กไปด้วย ท้าทายจริงๆ
ตอนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มีผลต่อการทำวิทยานิพนธ์ไหมคะ
ต้องขอบคุณคุณพ่อของสามหนุ่มค่ะ เพราะเป็นหัวเรือหลักในการดูแลลูกๆ ทำให้พี่โอ๋ทุ่มเวลาส่วนใหญ่ให้กับการเรียนการทำงานแล็บ แต่เวลาพักผ่อนที่เขามักจะไปสังสันท์ เที่ยวจับกลุ่มคนในแล็บ พี่โอ๋ก็เอามาให้กับครอบครัว เสาร์อาทิตย์ถ้าไม่มีแล็บติดพันจริงๆก็เป็นเวลาของครอบครัวค่ะ มีกิจกรรมกับลูกๆตลอด เป็นช่วงเวลาสนุกสนานค่ะ เราถักนิตติ้งเป็นงานอดิเรก ทั้งสามหนุ่มก็ถักเป็นชิ้นเป็นอันกันได้ทุกคนนะคะ เล่นได้ทั้งแบบโลดโผนและการฝีมือ เพราะมีหนังสือดีๆให้เรายืมมาอ่านเอาเป็นแบบได้ไปหมด ไม่ว่าจะอยากทำอะไร เรามีจักรยาน สกูตเตอร์ ก็พากันขี่พากันเข็นรอบๆที่พัก เข้าไปใน campus เอาข้าวปลาอาหารใส่ตะกร้าไปนั่งกินตามสวนสาธารณะที่มีสนามเด็กเล่น สนุกค่ะ เหนื่อยแต่สนุก เพราะเราแบ่งเวลาได้ และที่ทำงานก็เข้าใจ supervisor ก็เข้าใจ เพราะเวลาทำงานเขาก็เห็นว่าเราเอาจริงเอาจังมากค่ะ เวลามีเหตุฉุกเฉินอะไรก็เลยขออนุญาตง่าย ในวันธรรมดาปกติพี่โอ๋ก็จะมีบ้างที่แล็บต่อเนื่องต้องกลับบ้านช้ามาก เคยมีเพื่อนฝรั่งโทรมาหาที่บ้าน เขามาบอกว่าลูกชายยูเป็นคนมีอารมณ์ขันมากเลยนะ เพราะน้องเหน่นบอกเพื่อนแม่ว่า it's a mysterious. ตอนที่เขาถามว่า When will she be back? มีเรื่องสนุกๆน่าประทับใจที่โน่นมากมายจริงๆค่ะ เพราะเป็นช่วงที่ได้ใกล้ชิดลูกตลอดด้วยไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานหนักขนาดไหน เพราะพี่โอ๋ตั้งใจไว้ตั้งแต่มีลูกว่า ภายในสิบปีแรกของชีวิตลูกพี่โอ๋จะเลี้ยงเขาเอง ไม่ให้ห่างไปไหนเลย แล้วก็ทำได้จริงๆและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้ทำในชีวิตเลยค่ะ
อ่านบันทึกนี้ต้องขอยกคำว่ายอดคุณแม่ให้เป็นเครื่องเชิดชูนะคะว่าสุดยอดจริงๆ
เป็นผู้หญิงทีีแกร่งทั้งร่างกาย และจิตใจที่อ่อนโยน โชคดีจังเลยที่ได้รู้จักทางบันทึกค่ะ
ขอบคุณมากๆสำหรับบันทึกย้อนนะคะ
สุดยอดคุณแม่ครับผม