ปารีส "นครแห่งแสงไฟ"


  • ค้นข้อมูลจากอินเทอรืเน็ตได้ว่า   กรุงปารีส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส อยู่บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์  (Île-de-France หรือ Region parisienne (RP) ) กรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน ในขณะที่เขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปจากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก  และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส

  • ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 ในช่วงที่อาณาจักรโรมันยึดครอง แต่ในช่วงการครองราชย์ของจูเลียน ดิ อโพสเทต (พ.ศ. 904 - พ.ศ. 906) ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "ปารีส"ปารีสมีชื่อเล่นมากมาย แต่ชื่อที่โด่งดังที่สุดคือ "นครแห่งแสงไฟ" (ฝรั่งเศส: La Ville-lumière) ซึ่งหมายความว่าเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนและความรู้ ทั้งยังหมายความว่าเป็นเมืองที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟอีกด้วย
  • เป็นเมืองสุดท้ายก่อนบินกลับบ้านที่เราตั้งเป้าหมายว่าต้องไปให้ได้(เข้าอังกฤษในรอบนี้ไม่ได้เพราะต้องทำวีซ่า)

  • เราทานอาหารเย็นแบบเอเซียที่สถานีรถไฟมิวนิค นั่งรอขึ้น Night train ไปปารีสตอนเกือบห้าทุ่ม(มีที่พักสำหรับผู้โดยสารที่มีตั๋วรถในวันเดินทาง) เคบินที่จองตั๋วได้เป้นแบบ 6 เตียง อึดอัดนิด ๆ แต่ก็ใช้ได้ นอนชั้นบนสุดเลย เช้าตื่นมาล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมลงสถานีปารีสตอนสาย ๆ

  • ที่พักที่เราจองไว้ชื่อ Ideal Design อยู่ย่าน Paris Orleans โซนปารีส 24 ดูแล้วใช้ได้ทีเดียวแม้จะออกมานอกกลางเมืองแต่ก็สะดวก มีรถราง รถเมล์ผ่าน เราต้องเช็คอินหลังเที่ยง จึงออกไปเดินสำรวจรอบ ๆ ผ่านร้านขายผลไม้สด ๆ น่าทานมาก และติดต่อหาทัวร์ไปได้โบชัวร์ที่โรงแรมโนโวเทล ซึ่งอยู่ไกล้ ๆ แต่เขาไม่ติดต่อให้ เราต้องโทรศัพท์ซื้อทัวร์เอง โชคดีที่ครูปุ๊เปิดใช้โรมมิ่งได้ เราซื้อโดยจ่ายวีซ่า พรุ่งนี้จะมารับเราที่โรงแรม (หลังซื้อแล้วเราก็มาคิดทบทวนว่าทัวร์จะหลอกเราหรือไม่ คงไม่มั้ง เมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยวเขาคงไม่ทำอย่างนั้น)

  • เมื่อเข้าที่พักได้เราก็พักผ่อน เย้นนี้คงเดินรอบ ๆ แถวนี้ ทานอาหารเย็นร้านหน้าโรงแรมที่มีมุมสวย ๆ ตรงสี่แยกพอดี เจอคนเสริพมาคุยภาษาไทยกับเรา มราบว่าเป็นคนจีนมีภรรยาเป้นคนลาว ค่ำเราพักผ่อนเตรียมเที่ยวทั้งวันพรุ่งนี้ เลือกทัวรืกับมินิบัส เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในเมืองและออกนอกเมืองไปถึงพระราชวังแวร์ซายส์

  • ทัวร์มารับตรงเวลา นายอะรามี(ชาวอิตาเลียนเป็นทั้งคนขับและไกด์) มาพร้อมเบนซ์มินิบัส นั่งได้ 8 คน แต่เริ่มต้นวันนี้มีเพียงพวกเรา 3 คน

เริ่มต้นเที่ยวจุดแรกที่ Montmatre Church อยู่บนเนินเขา ทางเข้าผ่านย่านโรงละครมูแลงลูจน์ด้วย ด้านหน้าโบสถ์มีจุดชมวิวเมืองเก่าปารีส

ต่อมาชมจุดศูนย์กลางเมือง ที่ Notre Dame คนเยอะมาก มุมมองก้แคบ แต่โบสถ์ใหญ่โตมาก

จากนั้นพานั่งรถผ่านย่านร้านสินค้าแบรนด์เนมที่ราคาแพงบนถนนซองอะริเซ่ อ้อมประตูชัยตรง 12 แยกวัดใจ มีรถท่องเที่ยวแบบ hop on hop off เต้มไปหมด

หลังจากนั้นนำเรียบแม่น้ำเซนมายังจุดไฮไลท์ของปารีส คือหอไอเฟล โชคดีที่วันนี้อากาสแจ่มใสมากและเรามาก่อนเที่ยง แสงอาทิตย์สาดส่องเหมาะกับการถ่าภาพสวย ๆ

มาสามคนเห็นไหมครับสะดวกในการแลกกันถ่ายรูป

เรามีเวลาครึ่งชั่วโมงรีบเดินมาถ่ายรูปมุมสวย ๆ ตรงนี้ พอกลับไปที่รถ ไกด์บอกให้เรารอที่นี่ถึงบ่ายสองเพื่อเขาจะไปรับลูกทัวร์อีกสองคนที่จะร่วมเดินทางไปพระราชวังแวร์ซายส์  มีเวลามากพอเดินเก็บภาพสวย ๆ เข้าห้องน้ำ และทานข้าวเที่ยง(ที่ตุนเสบียงแบบห่อมาจากโรงแรมเมื่อตอนเช้า) ณ ริมแม่น้ำเซน

ไกด์มาช้านิดหน่อย แต่ที่จริงลองใช้มือถือแลกกันแล้วใช้ไม่ได้ แต่ก็มารับเรา(ไม่ได้หลอกอย่างที่เรากลัว) ออกนอกเมืองไปพระราชวังแวร์ซายส์ ฟังเรื่องเล่าจากไกด์(ตามประวัติศาสตร์ที่เราทราบกันมา) มาเทียบกับพระราชวังแล้ว มาเรียอังตัวเนตจึงเป้นที่เกลียดชังจากประชาชนในสมัยนั้นมาก วังใหญ่โต สวนกว้างใหญ่ คนเข้าชมเยอะมาก ไกด์หลากหลายภาษา มีห้องนักรบนโปเลียนด้วยนะ

ค่ำวันนี้หลังเที่ยวมาทั้งวัน เราเดินชมเมืองใกล้ที่พักอีกรอบ แล้วก้เปลี่ยนร้านอาหารมาทานที่ร้านนี้(Autor Passion) ซึ่งเจ้าของคงชอบรถปอเช่มาก ๆ เลย

ก่อนจากปารีสบินกลับไทย(แวะโดฮา)ไม่ประทับใจกับการทำ Tax Refund ที่บางคนมีเยอะมาก ใช้เวลานาน เจ้าหน้าที่ทำงานช้าเหมือนจะให้ไม่ขอคืน โดนด่าเยอะเลย พอผ่าน ตม. ครูเตี้ยกับครูปุ๊มาก่อนขณะที่ผมรอคืนภาษี ตม.เห็นหนังสือเดินทางครูเตี้ยที่เป็นแบบราชการ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Official Passport เขาบอกว่าไม่ใช่ ต้องเป็น Diploma Passport เท่านั้น ต้องอธิบายกันพักใหญ่ ก็แปลกนะ ผมว่าคนไทยที่ใช้แบบนี้มาผ่านสนามบินที่ปารีสก็คงมี ทำไมเขาจำไม่ได้ว่าของไทยเรียกอย่างนี้และมันคืออันเดียวกัน ผมใช้เวลาขอคืนภาษีเกือบสองชั่วโมงรีบมาขึ้นเครื่องที่ประตู38 ผ่าน ตม.ก็ไม่มีปัญหา เขาเปิดหาวีซ่าไม่มีผมก้บอกว่าเป็น official Passport ก็ผ่านเขาคงเห็นที่ครูเตี้ยชี้แจงไปแล้ว ครับปิดการท่องเที่ยวด้วยตนเองครั้งนี้อย่างประทับใจยิ่ง เพราะเราพบเอง เที่ยวเอง แก้ปัญหาเอง ทักษะต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 นำมาใช้ครบเลย

ถือโอกาสมอบของที่ระลึกครับรอบวันแต่งงานให้น้องปุ๊ที่นี่เลย

คำสำคัญ (Tags): #paris#france
หมายเลขบันทึก: 549068เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2013 16:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2018 07:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

...สดชื่น สวยงาม ยังมีไฟนะคะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท