การชุมนุมปิดถนนที่ภาคใต้ (ควนหนองหงส์) กับการเดินทางของผม


ม็อบชาวสวนยางชุมนุมปิดถนนสายใต้ที่สี่แยกควนหนองหงส์

   

ที่มา www.thairath.co.th

  สวัสดีครับเพื่อน ๆ ที่ติดตามบล็อกผม สำหรับวันนี้ก็ห่างหายจากการบันทึกบทความไปหลายวันเลยทีเดียว ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าครับเพราะว่าต้องไปช่วยงานที่ สพฐ.บ้างและก็เดินทางพานักเรียนไปต่างประเทศบ้าง ก็อย่างที่บอกไปการเดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯ เป็นว่าเล่นนั้นก็ต้องเหนื่อยและก็ประสบปัญหาการเดินทางบ้างเป็นธรรมดา อย่างที่ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม สพฐ.มีหนังสือด่วนนให้ไปร่วมประชมเสวนาเรื่องการนำเทคโนโลยีเพื่อการสื่อการมาใช้ในการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ผลก็ตามนี้ครับ วันที่เดินทางก็ราวข่าวว่าเค้าจะปิดถนน แต่ก็ไปจองตั๋วไว้ก็โทรไปถามนะครับว่าเดินทางได้มั้ย เค้าบอกว่าไปได้ ก็ให้พ่อมาส่งที่ท่ารถ เดินทางไปกรุงเทพฯ ช่วงนั้นก็เดินทางตอนเช้า เค้ายังไม่ปิดถนน แต่พอประชุมเสร็จขากลับ ม็อบสวนยางปิดถนนก็เครียดเหมือนกันว่าจะกลับเครื่องบินดีหรือเปล่าไปลงหาดใหญ่แล้วนั่งรถกลับมาอีกฝั่งของการระดมม็อบ (คือโรงเรียนที่ผมสอนอยู่นั้นอยู่อำเภอชะอวดครับ ส่วนบ้านก็อยู่อำเภอป่าพะยอมก็ไม่ไกลจากที่ชุมนม) แต่ถ้ากลับเครื่องบินต้องนั่งรถย้อนกลับมาอีก ร้อยกว่ากิโล ก็เลยเสี่ยงมารถ ขสมก. ก็เป็นอย่างที่คิดปิดแล้วก็สามารถมาได้ แต่ก็ต้องเลี่ยงเส้นทาง จากที่ผ่านตรงนั้นแค่ 10 นาที ต้องย้อนไป 30 นาที  แต่ก็ได้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

      ครับหลังจากที่กลับมา ต้นเดือนกันยายนก็ได้รับหนังสือจาก สพฐ.ให้ไปรับโล่ห์การประกวดสื่อการสอนที่อาคาร 1 สพฐ. มอบโดยท่านชินภัทร ผมก็เดินทางไปอีก คราวนี้ผมต้องนั่งรถย้อนกลับไปขึ้นรถที่ บขส. พัทลุงแล้วต้องนั่งอ้อมไปจังหวัดตรังแล้วกลับมาจังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอทุ่งสง แล้วขึ้นกรุงเทพฯ จากเวลาที่รถผ่านบ้านผมวิ่งไปทุ่งสงก็ประมาณ 30 นาทีหรือน้อยกว่านั้นก็นั่งไปจังหวัดตรังใช้เวลา 3 ชั่วโมง ก่อนจะขึ้นกรุงเทพฯ พอรับรางวัลเสร็จขากลับก็จองตั๋วได้เค้าบอกว่าไปได้ ก็เลยตัดสินใจมารถทัวร์ รถไฟไปไม่ได้

  

เพราะว่าบ้านเราอยู่ติดถนนใหญ่ มารถทัวร์สะดวกกว่า ประหยัดด้วย พอคราวนี้ไม่เป็นอย่างที่คิด ผมขึ้นรถจาก บชส.สายใต้ใหม่เวลา 17.00 น. รถเดินทางถึงบ้านก็ประมาณ 10 ชั่วโมง แต่...รถต้องเลี่ยงม็อบที่ Co - Op สุราษฎร์ธานี ไปทางบางใบไม้เข้าเมืองสุราษฎร์ธานี ผมเองกะว่าจะลงที่สุราษฎร์ธานีแล้วพอดีภรรยาทำงานอยู่แต่ตอนนั้นตี 3 เกือบตี 4 และได้ยินคนขับรถบอกว่าไปทางนาสารเพื่อไปลงทุ่งสง แต่ก็ได้ยินคนโทรเข้ามาว่าไปไม่ได้เลยถอยกลับไปทาง อำเภอกาญจนดิษฐ์และไปทางอำเภอสิชล ท่าศาลา เข้าเมืองนครศรีธรรมราช ตอนนั้นเวลา 6 โมงเช้า รถยังอยู่ที่สีแยกเบญจม หน้าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ผมเองก็กะว่าจะลงหากมีปัญหาอีกเพราะว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนครู เพราะอย่างไรซะเราก็สอนที่นครศรีธรรมราชพอมีเพื่อนอยู่บ้าง ก็เลยตัดสินใจที่โทรไปหาเพื่อนครูว่าจะไปโรงเรียนได้หรือเปล่า แกบอกว่าไม่แน่ใจผมบอกว่าผมขอลงที่บ้านแกได้มั้ย แกบอกว่าได้ ก็เลยตัดสินใจนั่งรถต่อไปลงที่บ้านเพื่อนครู หลังจากนั้นคนขับรถได้ถามว่าจำนวนผู้โดยสารที่จะลงที่ทุ่งสงกี่คนเพราะว่าจะต้องขับไปส่งผู้โดยสารที่ทุ่งสงอีกต้องวกกลับไป ประมาณ 45 นาที และต้องวกกลับมาทางนี้แล้วไปทางอำเภอเชียรใหญ่เพื่อเข้าสู่จังหวัดพัทลุงทางทะเลน้อย เพื่อส่งผู้โดยสารที่พัทลุงอีกซึ่งคนขับบอกว่าคงจะเที่ยงกว่าจะถึงพัทลุง ผมตัดสินใจว่าผมต้องลงแล้วละเพราะว่านัดเด็กนักเรียนว่าอันพุธผมจะกลับมาสอนทันแน่นอน แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดและว่างแผนไว้แล้ว ตอนนี้เวลา 7 โมงเช้าผมยังอยู่ที่ถนนสายรอนพิบูลย์ ทุ่งสงอยู่ แต่ทันใดนั้นผมเห็นรถตู้นครศรีธรรมราช - พัทลุงวิ่งรับผู้โดยสารผมคิดในใจว่าผมมีทางออกแล้วผมเลยตัดสินใจบอกให้คนขับรถทัวร์หยุดแล้วขอลง แล้ววิ่งไปโบกรถตู้ทันที รถตู้จอด แต่....กระเป๋าผมหาย ผมวางไว้หลังเบาะผมแต่ไม่รู้ไปไหนมีแต่กระเป๋าคนอื่นมาแทนที หาไม่เจอจนรถตู้ตัดสินใจออกรถไม่รับผมแล้ว สุดท้ายผมเจอกระเป๋าผมอยู่ใต้ม้านั่งของผมเพราะว่ากระเป๋าที่วางทีหลังมันดันกระเป๋าให้ลงไปข้างใน ผมก็ตัดสินใจเดินไปนั่งริมถนน รอรถตู้ ซึ่งตรงกับทางเข้าบ้านเพื่อนครูที่โรงเรียนซึ่งครูที่โรงเรียนก็ออกมาพอดี ผมว่าไปได้หรือเปล่าแกบอกว่าไปได้ จนรถตู้นครศรีธรรมราช - พัทลุงมาเค้าก็พาไปตามถนนเรื่อยพอเข้าใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมเค้าก็วิ่งเลาะซอยเข้าไปหลายกิโลเมตรมาก จนไปทะลุข้างม็อบชาวสวนยาง แล้วก็อ้อมด้านหลังไป จนผ่านมาได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ชุมนุมเค้าก็เปิดให้ชาวบ้านไปได้นะครับ เค้าเปิดปิดเป็นบางเวลา เพราะเค้าก็เห็นใจคนทำงานและนักเรียนที่ต้องเดินทางไปโรงเรียน แต่รถใหญ่ ๆ เค้าไม่ให้ไปครับ เลยต้องอ้อมไปอีกไกลทางเชียรใหญ่ 

....หลังจากวันนั้นผมเองก็เดินทางพานักเรียนไปต่างประเทศแต่ก่อนวันเดินทางอีกวันหนึ่งม็อบได้สลายตัว โชคดีที่พวกเราสามารถเดินทางได้ และกลับได้ซึ่งเรากลับมาถึงวันที่ 12 กันยายน หลังจากนั้น 2 วัน วันที่ 14 ม็อบปิดถนนอีก ทีนี้เหตุการบานปลายแล้วครับปิดทุกทางไปไม่ได้เลย แต่หลังจากนั้นก็สามารถเดินทางไปทางอำเภอชะอวดผ่าน บ้านตูลไปทางกุมแป และผ่านอำเภอร่อนพิบูลย์แล้วก็ขึ้นกรุงเทพฯได้เลยครับ แต่ถนนก็แคบมากครับ 

....จากการที่ผมได้รับคำสั่งให้ไปอบรมระบบเครือข่ายที่รองรับ tablet ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สพม.12 ผมก็ขับรถไปทางที่ผมบอกคือทางกุมแป จะสังเกตได้ว่าถนนนั้นเริ่มพังและยุบครับ เพราะว่าถนนสายนั้นเป็นถนนที่รองรับรถที่บรรทุกเล็กน้อยน้ำหนักเบาแต่ตอนนี้ทั้งรถใหญ่ รถเล็กก็ใช้สายนี้กันทั้งนั้น ซึ่งผมคิดว่าหากมีการสลายม็อบและเปิดถนนขึ้น ถนนสายนี้นั้นใครจะมอบเห็น คนที่เดือนร้อนคือคนที่ใช้ถนนสายนี้หรือไม่ เพราะผมเชื่อแน่ชัดว่าไม่มีใครมามองตรงจุดนี้ พอม็อบสลายทุกคนเข้าใจกัน แต่คนที่ต้องลำบากคือคนที่ใช้ถนนสายที่ใช้เป็นทางเบี่ยงนั้นเอง ....ซึ่งเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้่นอยู่กับการเมือง ซึ่งเราข้าราชการไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็รักประเทศไทยครับ

 

 

ที่มา Mthai

ที่มา มติชน

  

ภาพประกอบ ที่ใกล้เคียงกับสภาพถนนจริง ๆ 

หมายเลขบันทึก: 548874เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2013 13:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กันยายน 2013 14:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท