ภาพลักษณ์

    ภาพลักษณ์องค์กรจะถูกสร้างขึ้นภายในจิตใจของลูกค้าหรือคนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งองค์กรเองไม่สามารถสร้างหรือบริหารภาพลักษณ์ได้โดยตรง แต่สามารถบริหารทางอ้อมได้โดยการบริหาร “เอกลักษณ์องค์กร (Corporate Identity)” เท่านั้น ซึ่งเอกลักษณ์นี้จะประกอบด้วย (1) พฤติกรรมของผู้บริหารและพนักงาน (2) สัญลักษณ์ต่างๆขององค์กร และ (3) การสื่อสารต่างๆขององค์กร ซึ่งการบริหารทั้งสามส่วนนี้ต้องให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน ชัดเจน สม่ำเสมอและมั่นคง เพื่อสร้างให้เกิดประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้แก่ลูกค้าหรือกลุ่มอื่นๆที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ด้วย สิ่งสำคัญคือ องค์กรต้องถ่ายทอดภาพที่เป็นจริงขององค์กร ไม่ใช่การสร้างภาพลวงให้เข้าใจผิด ฉะนั้นหากองค์กรต้องการมีภาพลักษณ์ที่ดีในจิตใจของลูกค้าแล้วจึงต้องเริ่มวิเคราะห์ความเป็นจริงภายในองค์กร

         ปัจจุบันเอกลักษณ์ขององค์กรเป็นอย่างไรมีความใกล้เคียงกับภาพลักษณ์ที่ต้องการหรือไม่ หากไม่แล้วต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้างเพื่อให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าด้วยสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพขององค์กร โดยที่ทุกคนในองค์กรนั้นต้องมีทัศนคติวัฒนธรรมองค์กรที่สอดคล้องกันกับภาพลักษณ์นั้น เพื่อให้สามารถถ่ายทอดมาเป็นพฤติกรรมของคนในองค์กรทั้งระดับบริหารและพนักงาน สู่สายตาของลูกค้าปัจจุบันธุรกิจมีการนำแนวคิดการตลาดเพื่อสังคมมาใช้มากขึ้น เพื่อสร้างความรักความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า โดยเฉพาะภายหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางภาคใต้ ซึ่งประชาชนทั่วประเทศต่างส่งความช่วยเหลือต่างๆ

 

                  โดยสรุป ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเปราะบางเพราะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของลูกค้า หรือกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้อง   ดังนั้นองค์กรจึงต้องหมั่นระวังรักษาความรู้สึกดังกล่าวของลูกค้าเอาไว้ทุกวิถีทางทำให้ชื่อเสียงของบริษัทหรือตราสินค้านั้นๆได้เข้าไปอยู่ภายในใจของลูกค้า ซึ่งก็จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้ทั้งภาพลักษณ์ที่ดีและความสำเร็จทางธุรกิจ เข้าทำนองว่า ได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่องด้วยการทำความดีนั้นเอง