ข้อสอบอัตนัย การฝึกอบรมวิชาว่าความภาคทฤษฎี รุ่น 32


วันที่ 25 ธันวาคม 2548 นายจันทร์ มกรา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 333 ถนนจรัลสนิทวงศ์แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ลูกความประจำของท่าน และนายอังคาร กุมภา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ถนนประชาธิปไตย แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มาพบท่าน ซึ่งเป็นทนายความชื่อนายชอบ ยุติธรรม ที่สำนักงานยุติธรรมทนายความของท่าน เลขที่ 999 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร แจ้งว่านายอังคาร กุมภา ต้องการเช่าบ้านซึ่งเป็นตึก 5 ชั้น เลขที่ 111 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 777 เลขที่ดิน 191ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ของนายจันทร์ มกรา เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยเช่ารวมทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านด้วยตามรายการที่พิมพ์มาให้ท่านดูเพื่อใช้ประกอบเป็นเอกสารท้ายสัญญา มีระยะเวลาการเช่า 3 ปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ค่าเช่าเดือนละ 100,000 บาท มีกำหนดชำระค่าเช่าล่วงหน้าทุกวันที่ 1 ของเดือน ในระหว่างที่เช่านายอังคาร กุมภา จะเป็นผู้ชำระ ค่าน้ำ ค่าฟ้า ค่าโทรศัพท์ รวมทั้งภาษีโรงเรือน และค่าซ่อมแซมบ้านทั้งหมดไม่ว่ามากหรือน้อยเพียงใดและต้องทำประกันวินาศภัยในวงเงิน 20,000,000 บาท ให้นายจันทร์ มกรา เป็นผู้รับประโยชน์ ถ้ามีการผิดสัญญาข้อที่เป็นสาระสำคัญ อีกฝ่ายบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้ และตกลงให้นายอังคาร กุมภา เข้าครอบครองบ้านได้ตั้งแต่วันนี้ ท่านจึงได้ทำสัญญาเช่าให้คนทั้งสองอ่านแล้วตรงตามที่ต้องการและลงชื่อในวันนั้น โดยท่านกันภรรยาชื่อนางแสงจันทร์ ลงชื่อเป็นพยาน แล้วมอบให้คนทั้งสองถือไว้คนละฉบับ

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 นายจันทร์ มกรา มาพบและแจ้งต่อท่านว่า นายอังคาร กุมภาไม่จ่ายค่าเช่าตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา และให้คนนำกุญแจบ้านมาคืนเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 เมื่อ นายจันทร์ มกรา ไปตรวจบ้านที่ให้เช่าในวันนั้น พบว่าแจกันลายครามโบราณซึ่งเป็นเครื่องประดับในบ้านราคา 800, 000 บาทหายไป และเบาะเฟอร์นิเจอร์แบบหลุยส์ในบ้านทั้งชุดถูกของมีคมกรีดขาดเสียหายช่างตีราคาค่าซ่อมเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งของทั้งสองสิ่งนั้นอยู่ในรายการเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ในบ้านที่ทำสัญญาเช่ากันไว้ สอบถามคนข้างบ้านได้ความว่าเมื่อคืนนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนเห็นมีการขนย้ายของออกไปจากบ้าน นายจันทร์ มกรา จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายอังคาร กุมภา ได้คำตอบจากนาย อังคาร กุมภา ว่าที่เลิกเช่าแล้วทำลายและเอาของไปเมื่อคืนนี้เป็นการสั่งสอนที่นายจันทร์ มกรา มาทวงค่าเช่า

นายจันทร์ มกรา จึงแต่งตั้งให้ท่านเป็นทนายความฟ้องนายอังคาร กุมภา ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ท่านทำหนังสือบอกกล่าวทวงถาม ส่งถึงนายอังคาร กุมภา ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ท่านทำหนังสือบอกกล่าวทวงถามส่งถึงนายอังคาร กุมภา ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 ให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง ชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เพราะได้รับค่าเช่าไม่ครบตามระยะเวลาตามสัญญาเช่า ให้คืนแจกันลายคราม และชดใช้ค่าซ่อมเฟอร์นิเจอรื ภายใน 7 วัน (ให้คิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551) นายอังคาร กุมภา ได้รับหนังสือแล้วเพิกเฉย

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 ท่านยื่นฟ้องคดีแพ่งตามที่มีหนังสือทวงถามไป(ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องมีจำนวน 2,445.20 บาท) พร้อมยื่นคำแถลงขอส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทางไปรษณีย์

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 นายจันทร์ มกรา ได้โทรศัพท์มาแจ้งท่านว่า นายอังคาร กุมภา แจ้งย้ายทะเบียนบ้านออกจากบ้านเดิมไปเข้าอยู่บ้านเลขที่ 66 ถนนประชาธิปไตย แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 นี้เอง ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551ท่านจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องในคดีแพ่งตามที่ได้รับแจ้งมา และยื่นฟ้องคดีอาญา

คำสั่ง ให้ท่านทำคำตอบ ข้อในสมุดคำตอบดังนี้

ข้อที่1และข้อที่ 2. ให้เขียนเต็มตามรูปแบบข้อที่ 3. ถึงข้อที่ 6. ให้เขียนเฉพาะ เนื้อหา

ข้อที่ 1. สัญญาเช่า 12 คะแนน

ข้อที่ 2. หนังสือบอกกล่าวทวงถาม 12 คะแนน

ข้อที่ 3. คำฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องคดีแพ่ง 36 คะแนน

ข้อที่ 4.คำแถลงขอส่งหมายทางไปรษณีย์ 5 คะแนน

ข้อที่ 5.คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องคดีแพ่ง 5 คะแนน

ข้อที่ 6. คำฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องคดีอาญา 10 คะแนน

ประมวลกฎหมาย

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท

มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(1) ในเวลากลางคืน

ฯลฯ

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันถึงหนึ่งหมื่นบาท

ฯลฯ

มาตรา 352ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หมายเลขบันทึก: 548228เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2013 08:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2013 12:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท