หยุดสงครามตัวแทน กุญแจอยู่ที่ผู้นำชาติมหาอำนาจ


การคานกันของมหาอำนาจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การเกิดสงครามเป็นไปได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขั้วมหาอำนาจต่างมีพลังมากพอๆกัน

การที่สหรัฐอเมริกายอมแขวนการโจมตีซีเรียไว้ก่อนถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเห็นความแข็งกร้าวของรัสเซียก็คงจะไม่ถูกต้องนักเพราะต่างก็เป็นมหาอำนาจด้วยกันทั้งคู่

เสียงของนานาชาติรวมทั้งของประชาชนสหรัฐฯเองนั่นแหละที่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจในครั้งนี้มากที่สุด วันนี้เราได้เห็นคุณค่าของความเป็นประชาธิปไตย การทำสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในยุคนี้จะไม่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป มันแสดงให้เห็นพลังของประชาธิปไตยว่ามีพลังมากพอที่จะหยุดยั้งสงครามใหญ่ได้ (แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม) หรืออย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาให้เนิ่นนานออกไปได้อีกสักระยะหนึ่งเพื่อจะได้มีเวลาร่วมกันหาทางยุติความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไปแล้วนับแสนคน

จะว่าไปแล้ว โอบามาควรขอบคุณรัสเซียที่อุตสาห์หาบันไดให้ปีนลงจากวิกฤติครั้งนี้โดยไม่ต้องเสียหน้า บทความที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินเขียนผ่านนิวยอร์กไทม์เพื่อสื่อไปยังประชาชนอเมริกันและทางการสหรัฐฯ ทำให้ทราบว่าเหตุใดรัสเซียถึงอยากให้เคารพการวีโตในที่ประชุมยูเอ็น และสนับสนุนให้เน้นวิธีการทูตในการไขวิกฤติซีเรียมากกว่าการใช้กำลังอาวุธ และยังได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อการแก้ไขวิกฤติการณ์ด้วยการเคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศโดยคำนึงถึงความอ่อนไหวและความเสี่ยงต่อการขยายสงครามจากภายในซีเรียไปสู่ภูมิภาคได้เป็นอย่างดี

การคานกันของมหาอำนาจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การเกิดสงครามเป็นไปได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขั้วมหาอำนาจต่างมีพลังมากพอๆกัน แต่ที่เหนือกว่านั้นมันแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าผู้นำของมหาอำนาจฝ่ายไหนการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมากล้วนต้องมาจากการใคร่ครวญไตร่ตรองอย่างดีเลิศมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าเกิดจากคุณธรรมของผู้นำที่คิดถึงประชาชน(ไม่ว่าฝ่ายใด)มากกว่าผลประโยชน์หรือตำแหน่งแห่งหนของตนเอง

ถ้ายังจำกันได้วิกฤติการณ์การเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจคู่นี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อครั้งที่โซเวียต(สมัยสหภาพโซเวียต)ขนจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์เพื่อจะนำไปติดตั้งที่คิวบาเมื่อปี 1962 เพราะโกรธที่สหรัฐฯได้ทำการติดตั้งขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไว้ในตุรกีโดยเล็งไปที่มอสโก ซึ่งแน่นอนว่าสหรัฐยอมเช่นนั้นไม่ได้เพราะเท่ากับให้รัสเซียเอาระเบิดนิวเคลียร์มาจ่อตูดเอาไว้ วิกฤติครั้งนั้นเรียกว่า The Cuban missile crisis ตลอด 13 วันของการเผชิญหน้าโลกต้องกลั้นหายใจอยู่บนเส้นด้ายแห่งสงครามนิวเคลียร์ ครั้งนั้นโซเวียตยิงเครื่องบินสอดแนม U2 ของสหรัฐตกด้วยยิ่งเพิ่มความวิตกให้กับทั่วโลกมากยิ่งขึ้น แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเมื่อสหประชาติยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ยจนคู่ขัดแย้งยอมยุติการเผชิญหน้า (สหรัฐฯถอนขีปนาวุธออกจากตุรกี รัสเซียยกเลิกการติดตั้งฐานยิงในคิวบาและขนอาวุธกลับ)

การพูดคุยเจรจา การต่อรองโดยใช้เหตุผล การยอมให้มีผู้เข้ามาร่วมไกล่เกลี่ยในความขัดแย้ง และที่สำคัญการเปิดใจยอมรับยอมได้บ้าง เสียบ้าง ลดทิษฐิมานะละความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ มันถึงจะมีหนทางสำหรับยุติข้อบาดหมาง ไม่ต้องถึงกับปรองดองกัน แต่ก็ไม่ต้องทำสงครามให้วอดวายไปด้วยกันทุกฝ่าย

..ผู้หลักบักใหญ่บ้านเราก็ลองโผล่ออกมาดูสังคมโลกบ้างนะครับว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว เลิกตั้งแง่เอาแต่ได้กันเสียทีเถิดครับ


http://www.bbc.co.uk/news/world-us-canada-24043751
http://www.prachatai.com/journal/2013/09/48731
http://en.wikipedia.org/wiki/Cuban_missile_crisis

หมายเลขบันทึก: 548185เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2013 18:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 18:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท