เก็บมาเล่าและเอา(ความรู้) มาฝากได้แบ่งปันและแลกเปลี่ยนหลังจากแอบเก็บเกี่ยวความรู้ของเพื่อนๆมาหลายครั้งหลายคราอย่างไรก็อยากบอกว่าขอบคุณดินแดนแห่งนี้ที่ให้
พื้นที่เราได้เรียนรู้
บางส่วนจากการอบรมเรื่อง การจัดการความขัดแย้ง 2-4 กันยายน 2556
นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่อง การจัดการความขัดแย้งซึ่งปีนี้ทีม HRD ฝ่ายการพยาบาล ได้เชิญพี่ด้า สุกานดา เมฆทรงกลด พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้าICU มาเป็นวิทยากรจริงๆพี่เขาอยู่ทีมมาตรฐานแต่เขาพ่วงดีกรีอีกมากมายนับไม่ถ้วนทั้ง Spiritual care / Palliative care และพี่เขาเป็นรองประธานศูนย์สันติวิธีภาคเหนือ หลักสูตรนี้พี่ด้าบอกว่าเป็นแบบบูรณาการ มีทฤษฏี( knowledge )/ เครื่องมือ / ฝึกปฏิบัติ( Skill)
วัตถุประสงค์ เพื่อจัดการความขัดแย้งแบบมีหลักการ
ข้อตกลง หลังเรียนแล้วต้องรู้3 อย่าง
1.ความขัดแย้ง 2.เราอยู่ส่วนใดของความขัดแย้ง 3.ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นเราจะทำอย่างไรกับความขัดแย้งนั้น
แนวคิด ความขัดแย้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก และช่องว่างระหว่างความจริงกับความหวังอาจเป็นความเสี่ยง แต่สิ่งที่จะช่วยได้ คือ Thrust ( ความไว้วางใจ / ศรัทธา ) ทุกสัมผัสบริการที่ดีจึงเป็นศรัทธาและเป็นเกราะป้องกันความความเสี่ยงและความขัดแย้งให้กับเราได้เป็นอย่างดี
3 สิ่งที่ต้องระวัง 1.ภาวะวิกฤติ 2. เหตุการณ์รุนแรง 3.การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
หลักการ ต้องเข้าใจความขัดแย้ง เข้าใจตนเอง เข้าใจทฤษฏี/ธรรมชาติมนุษย์ เข้าใจสถานการณ์
-Attitude ความขัดแย้งหลบในทัศนคติเชิงลบ อคติกลายเป็นความเกลียดชังได้
-Behavior (Violence ) ความขัดแย้งปะทุออก พฤติกรรมความรุนแรง
-Contradictionขัดแย้งกันเป็นตรงกันข้ามอย่าปล่อยให้ความขัดแย้งกลายมาเป็นความตึงตัว(ไม่ลงรอย )
ADR in healthcare ( Alternative dispels resolution )ทางเลือกในการเจรจาไก่ลเกลี่ย
-Mediation โดยคนกลาง -Negotiation เจรจากันเอง -Conciliation ดับอารมณ์
BATNA
1.Go to ta Balcony อย่าเป็นคู่ชก / ให้ออกนอกปัญหา
2.Step to their side ยืนเคียงข้าง /เข้าใจปัญหา / ตั้งใจ
3.Build A Golden Bride หาความรู้สึกที่ดีต่อกัน
4.Use power to education ใช้อำนาจเพิ่มความรู้แต่อย่าขู่
มิติกระบวนการ
1.Issue ประเด็นปัญหา ขัดแย้งเรื่องอะไร รูปธรรม –ทรัพยากร / นามธรรม-อารมณ์
2.Process เกิดขึ้นตรงไหน (มุมมองที่แสดงออกอย่างไร ) เมื่อไหร่/ที่ไหน/ เพื่อนำสู่การแก้ไขให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด
ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มการวิเคราะห์ความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพ
1.ทางเลือกการแก้ปัญหามีอะไร 2.แต่ละทางเลือกมีจุดอ่อน จุดแข็งอะไรบ้าง
3.อุปสรรคคืออะไร มีข้อมูลอะไร 4.การตัดสินใจ ใช้ข้อมูลอะไร
วิธีการ แยกปัญหาออกจากเรื่องส่วนตัวไม่มุ่งเน้นประโยชน์ แพ้/ชนะจะสำเร็จหรือไม่บอกไม่ได้ต้องสบายใจ
เครื่องมือที่ใช้ในการเจรจา
1.Dialogue สุนทรียสนทนา
2. Paraphrasing and Reframing ทวนคำ ปรับปรุงคำพูด
3.Consensus Building ฉันทามติ
4.Interest Based ผลประโยชน์มากกว่าจุดยืน
5.Metaphor เปรียบเปรย
6.Apology วลีแสดงความรับผิดชอบ ขอโทษ/ เสียใจ
7.Thrust ความไว้วางใจ
ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ -เตรียมตัวพร้อม -วางแผนดี -มีประสบการณ์
การไก่ลเกลี่ยมี 2 ประเภทคือ แบบ ในศาล / นอกศาล
ประโยชน์ -ประหยัดเวลา –ยุติ/ลดปัญหาฟ้องร้อง -ยอมรับต้องคู่กรณีตัดสินใจเองเต็มใจ2ฝ่าย
-เป็นความลับ -คู่กรณีสามารถควบคุมกระบวนการเลือกคนกลางได้
แง่คิดดีดีจากงานไก่ลเกลี่ย * การเจรจาไก่ลเกลี่ยเป็นการให้ความยุติธรรมระดับ First Class *
*ข้อตกลงจากการไก่ลเกลี่ยที่แย่ที่สุดยังดีกว่าการคำพิพากษาที่ดีที่สุด*
แง่คิดการทำงาน เริ่มจากต้นทุนทางปัญญา + ความรู้ ความสามารถ โอกาส ผู้สนับสนุน บุญนำพา
*เรารู้ไหมว่าเรามีความรู้เรื่องอะไร
* เรารู้ไหมว่าเรามีความสามารถเรื่องอะไร/ เฉพาะตัว/ ความสามารถพิเศษ
*โอกาสแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันโอกาสแรกเขามอบให้( หัวหน้ามอบงานให้ทำ )โอกาสที่เราไข่วคว้ามาเอง
*ผู้สนับสนุน เจ้านายหัวหน้า(ดึงเราขึ้นมา ) ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน (ดันเราขึ้นไป)
ด้านข้างเพื่อนของเราเกื้อกูล ประคองเราเรา / เบื้องหน้าคือสังคม / เบื้องหลังคือครอบครัว เป็นBack up
*บุญนำพา สุดท้ายบุญหนุนนำพา
กิจกรรมกลุ่ม ฝึกปฏิบัติ( Skill)
ทบทวนประเด็นสำคัญ 2 วันที่ผ่านมาเช่นเรามีทฤษฏีอะไรในการจัดการความขัดแย้งแต่ละทฤฏีมาเกี่ยวข้องอะไรถ้าจะฟังใครเราต้องนิ่งจริงๆเราจึงจะเห็นความคิด ความรู้สึกของเขา เราต้องจับอารมณ์นั้นให้ได้ถ้าเซาะไม่ถึงก้นแผลเรา..ไม่สำเร็จ ไม่ได้ข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่ ไม่สามารถเห็นสิ่งที่เขาไม่ได้พูด ฟังอย่างเข้าใจ Empathy เพราะต้องจับประเด็นถ้าฟังไม่ถูกจะพูดและตีความผิด นี่เองที่ต่างจาก Counselling ที่เขามาเพื่อขอคำปรึกษา
สิ่งที่ได้เรียนรู้ จากฝึกปฏิบัติ( Skill)สถานการณ์จำลอง
ตัวเรา -การยกมือไห้วใครสักคนเท่ากับทำให้เราได้น้อมใจตัวเราเอง
-ไม่ควรลืมสร้างความไว้วางใจและกล่าวคำขอโทษ
-เราไม่ได้ฟังอย่างแท้จริงเพราะเรามัวแต่คิดว่าเราจะพูดอะไร
-เมื่อไม่ได้ฟังเราก็จับประเด็นไม่ได้และเราเลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
-เรามักติดภาพเดิมคือการให้ข้อมูลอยากบอกอยากอธิบาย
ระบบงาน
-การสร้างแกนนำรุ่นแรกและสานต่อไปยังรุ่นน้อง
-การสร้างเครือข่ายการจัดการความขัดแย้งในงานของกลุ่มการพยาบาล
ไม่ค่อยถนัดกับเนื้อหาวิชาการแต่ก็พยายามสรุปหลักๆมาพอเข้าใจ แม้ยังไม่ครบแต่ตั้งใจว่าจะมีภาคสองมาให้อ่านเป็นบางส่วนของเครื่องมือที่จะนำมาใช้อย่างเช่น สุนทรียสนทนา ( Dialogue ) ค่ะ
ขอบคุณที่แนะนำความรู้เรื่องนี้ครับผม