591. เรียน OD จากหนังดี (ตอน "United")


 หนังเรื่อง United  นี้ เป็นประวัติศาสตร์ครับ เป็นเรื่องราวของทีม Manchester United เป็นเชิงสารคดีหน่อยๆ แต่ก็ดำเนินเรื่องแบบหนังทั่วไป เป็นหนังที่ดูแล้ว จากไม่ดูบอลเลย อาจหันนมาดูบอลได้เลยครับ  จะว่าไปทำให้ผมแทบเป็นแฟนของทีมแมนยูไปเลย...

                                                             

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่ผู้จัดการทีมท่านเซอร์ Matt Busby ค้นพบบ๊อบบี้ ชาลตัน นักเต๊ะระดับตำนาน ... คนๆนี้ไม่เหมือนนักเต๊ะคนอื่น เพราะเตะลูกระยะไกลแม่นมากๆ.. ยังไม่พอคือมักไปซ้อมที่สนามก่อนใคร เลยเตะตาผู้จัดการทีม มีการคุยกันว่าเด็กคนนี้พิเศษ ไม่เหมือนคนอื่น ที่สุดจากตัวสำรอง ผู้จัดการก็ให้เขามาเล่นตัวจริง..  โดยวันนั้น.. เขาเรียกบ๊อบบี้ไปแล้วบอกว่า “มองไปรอบๆสิ เห็นอะไรไหม.. รอบๆสนามของเราเต็มไปด้วยคนงานจำนวนมหาศาล ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานแลกค่าแรง พวกเขาทำงานหนัก สุดสัปดาห์พวกเขาจะมาที่สนาม มาดูบอล มาเชียร์บอล นี่เป็นสิ่งเดียวในชีวิตของพวกเขา เพราะฉะนั้นเราต้องการคนที่สุดยอดที่สุดเท่านั้น ที่จะไปเล่นบอลให้พวกเขาดู”

 ฉากต่อมา ผู้จัดการทีม สั่งบ๊อบบี้ ให้หัดเตะให้คล่อง “ไม่ใช่แค่เท้าข้างเดียว ต้องเก่งทั้งสองข้าง ต่อไปให้เตะลูกกับกำแพง เตะไปมาคนเดียวสองร้อยครั้งต่อวัน... ไม่ต้องให้ใครเห็นนะ”

 เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ จนทีมต้องเดินทางไปแข็งกับประเทศในยุโรปตะวันออก ซึ่งตอนนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ ขากลับเครื่องบินเกิดตกครับ ตัวเก่งๆ ตายเกือบหมดทีม.. บ๊อบบี้ถึงขั้นสติแตกเลิกเตะบอลไปพักใหญ่ ผู้จัดการทีมพยายามรวบรวมทีม ทั้งที่ดูสิ้นหวังที่สุด ต้องเริ่มคัดตัวใหม่ฝึกใหม่ แล้วบ๊อบบี้ก็กลับไปช่วยทีมทันในตอนท้าย แล้วแมนยู ก็กลับมาผงาดกลายเป็นทีมขวัญใจคนทั่วโลกได้อีกครั้ง

                                           

 ในเรื่องนี้ถ้าจะโยงเข้า OD ก็มีอยู่สองเรื่องครับ เรื่องแรกการชี้ให้เห็นความสำคัญของงานที่ทำ..นี่มันเรื่องของแรงจูงใจ (Drive) ชัดๆ ครับ นักวิทยาศาสตร์เคยทดลองอย่างนี้ครับ เป็นการทดลองในองค์กรการกุศล ที่ปรกติแล้วจะมีการว่าจ้างพนักงานให้โทรหาผู้ใจบุญ เพื่อขอเงินบริจาค มีการทดลองง่ายๆ โดยการแบ่งพนักงานเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก ก่อนโทร นักวิจัยจะให้พวกเขาอ่านเรื่องราวการนำเงินบริจาคไปใช้ประโยชน์ เช่นไปพลิกชีวิตเด็กผู้หญิงเร่ร่อนไม่มีบ้าน ให้ได้รับความอบอุ่น แล้วเธอก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตในเวลาต่อมา .. กลุ่มต่อมานักวิจัยไปเล่าสร้างแรงบันดาลใจว่า.. ทำไปเถอนะ เพราะงานนี้อาจยาก แต่พวกคุณจะมีโอกาสได้ฝึกความเป็นผู้นำ ฝึกการทำงานเป็นทีม... ส่วนกลุ่มสุดท้าย ไม่ได้พูดอะไร..

 ผลออกมาปรากฏว่าพนักงานกลุ่มแรกที่มีการเล่าเรื่องดีๆ เรื่องการนำไปเงินบริจาคไปสร้างการเปลี่ยนแปลงนั้น สามารถระดมเงินบริจาคได้มากกว่า.. ส่วนกลุ่มที่สองได้น้อย ได้พอๆกลับกลุ่มที่สาม ครับ..  ตรงนี้ Danial Pink นักคิดระดับโลกบอกว่า คนเราถ้าจะประสบความสำเร็จแล้ว เราต้องมีแรงขับ (Drive) ที่จะเกิดขึ้นด้วยเงื่อนไขสองสามประการคือ การรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นมาความหมาย (Pusrpose)  คนนั้นๆ เมื่อรู้สึกว่างานมีความหมายก็จะพัฒนาและดึงความเชี่ยวชาญ พร้อมฝึกตนเองให้ดีขึ้นเรื่อย (Masterly) และถ้าไม่กำหนดกรอบเดินไป คือให้อิสรภาพ (Autonomy) .. นั่นเลยครับจะเกิดแรงใจ แรงขับอย่างมหาศาลจนคนในองค์กรดีขึ้นเก่งขึ้นอย่างมาก..ผู้จัดการทีมแมนยูสร้างเรื่องนี้ให้บ๊อบบี้ครับ.. ชัดเลย  

                     

 คนทำ OD เองก็ต้องทำนะครับ ตอนนี้ก่อนผมสอนอะไร จะเล่าถึงความหมายของสิ่งที่ทำ หรือเรื่องภาคภูมิใจที่ผมเคยทำเรื่องนี้สำเร็จให้ผู้เรียนได้ฟังก่อน.. เช่นทำ AI ทำ Dialogue แล้วผมเคยเห็นผลดีอะไร ที่มันทำให้ผมรู้สึกมีความหมายกับสิ่งที่ทำ (อ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือเรื่อง Drive)

 ผู้จัดการทีมแมนยู ทำอย่างที่สองคือ สั่งให้บ๊อบบี้เพิ่มความเชี่ยวชาญให้ตนเอง ด้วยการหัดเตะบอลให้คล่องด้วยเท้าทั้งสองข้างไม่ใช่เท้าเดียว.. มีการสั่งให้บ๊อบบี้เตะบอลอัดฝาผนังวันละสองร้อยรอบ... ในมุมมองของผมนี่สุดยอดครับ.. ผมมองว่างานง่ายๆ อย่างนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด จะว่าไปผู้จัดการทีมต้องรู้ความลับของจักรวาลอย่างหนึ่งแน่นอน นั่นคือมีการทดลองโดยนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย ทดลองอะไรประหลาดๆอย่างหนึ่งคือ คัดเด็กมหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งมา จากนั้นสั่งให้ทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เป็นงานง่ายๆ คือให้จดบัญชีรายรับรายจ่ายทุกวัน เป็นเวลาสามเดือน..ปรากฏว่าเด็กเหล่านี้อยู่ดีๆก็เลิกบุหรี่ลงหนึ่งซองต่อวัน และ เลิกกาแฟลงสองแก้วต่อวัน... มีการทดลองทำนองนี้อีกมากครับ คือการลองให้คนไปทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยซ้ำ ทำเป็นรูทีนสามเดือน ปรากฏว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางพฤติกรรมและความสามารถ ตอนหลังนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การทำอะไรง่ายๆ ที่ไม่คุ้น ทำเป็นรูทีนสักสามเดือนนี่แหละ มันเปลี่ยนโครงสร้างสมอง ทำให้ความสามารถของคนเราถูกยกระดับไปได้ง่ายๆ เลย..  (อ่านเพิ่มเติมในเรื่อง The Power of Habit) นี่ครับผู้จัดการทีมแมนยูรู้ความลับเรื่องนี้ แล้วฝึกบ๊อบบี้ด้วยทฤษฎี The Power of Habit ที่สุดบ๊อบบี้เกิดความเชี่ยวชาญ (Masterly) ขึ้นมาสอดรับกับการค้นพบ Purpose ในอาชีพพอดี

                                                     

ในแง่มุมนี้ชาว OD อาจขอให้ลูกค้า ลองทำอะไรไม่คุ้น สักสามเดือน เดี๋ยวจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ผมทำเรื่องนี้มามากพอสมควร เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งมาแล้วครับ ครั้งแรกที่ผมเจอปรากฏการณ์นี้คือสมัยอยู่ ม.4 ตอนนั้นเรียนอยู่เตรียมอุดม พญาไท ตกฟิสิกส์ครับ อุแม่เจ้า.. แต่เกิดคิดอะไรไม่รู้ ลองกลับไปฝึกบวกเลขใหม่ แต่บวกจากซ้ายไปขวา (ชาวบ้านทำจากขวาไปซ้าย) ฝึกตั้งโจทย์เองทำตอนเช้าวันละ 200 ครั้ง ทำมันทุกวัน ไม่เคยบอกใคร.. อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเก่งคณิตศาสตร์ ทำโจทย์ฟิสิกส์ได้ง่ายมากกว่าเดิม มองปัญหาทะลุมากขึ้น เทอมสองได้เต็มเฉยครับ..และในเทอมสองก็อ่านฟิสิกส์จนจบจนถึงม. 6  แล้วสอบเอ็นติดวิทยาจุฬา ตั้งแต่ม.4  หัวสมองเปลี่ยนไปทางคำนวณไปเลย.. ผมทำเรื่องนี้จนกระทั่งเข้ามหาลัยครับ ที่เข้าจริงคือเลือกไปสอบวิศวะลาดกระบังตอนจบม. 5 โดยเลือกอันดับหนึ่ง อันดับเดียว..

สุดท้ายที่ผู้จัดการทีมทำคือให้ Autonomy ครับ คือให้อิสรภาพ ในเรื่องไม่เห็นเรื่องนี้ชัดมาก แต่ก็ชัดตรงที่เมื่อบ๊อบบี้ไปไม่ไหว ก็ไม่ว่า ก็ให้กำลังใจ กลับมาก็ต้อนรับ..

ด้วยเหตุผลสามประการ เท่าที่มองท่านเซอร์บัลบี้ ใช้เป็นเหตุเหตุปัจจัยในการสร้างนักเตะระดับตำนาน และสโมสรฟุตบอลระดับจักรวาล ที่คลาสสิกไปตลอดกาลครับ ส่วนคน OD ก็น่าดูเป็นแบบอย่างนะครับ เป็นอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจได้มากๆ .. มากจริงๆ ไม่ดูบอลมาก่อน ไม่เคยเชียร์แมนยู ตอนนี้แอบเชียร์ไปเลย.. ถึงล่าสุดสมัครบัตรเครดิตกรุงศรี ถึงขั้นขอบัตรแมนยู  .. แต่ยังไงก็ยังไม่ดูบอลเป็นอาชีพนะครับ

 

ทีมอื่นๆ ก็ต้องมีเรื่องราวดีๆ แน่ไว้ผมจะค้นคว้ามาเล่าให้ฟังครับ

 

วันนี้พอเท่านี้

 

เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

 

Reference:

The first picture retreived Sept 3, 2013 from

http://agusmanchunian.wordpress.com/2012/04/24/united-movie-2011-munich-air-crash/

The second picture retreived Sept 3, 2013 from http://www.yourtrailers.net/united-tv-2011

The third picture retreived Sept 3, 2013 from http://www.mirrorfootball.co.uk/news/The-family-of-Sir-Matt-Busby-are-furious-at-the-portrayal-of-the-iconic-Manchester-United-boss-in-a-new-movie-showing-on-TV-this-weekend-article726412.html

The fourth picture retreived Sept 3, 2013 from http://www.iceposter.com/posters/movies/United_movie_posters_(2011)/MOV_eb915197_United_movie_poster_(2011)_Poster.html 

 

หมายเลขบันทึก: 547264เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2013 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กันยายน 2013 08:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท