หลายวันก่อนเข้าพรรษานับเป็นช่วงเวลาแห่งการอุปสมบท ซึ่งผมเองนั้นก็ได้ไปร่วมงานบุญในการอุปสมบทพระอยู่บ้างเหมือนกัน
งานบุญ .. ผมยังคงใช้คำนี้สำหรับงานอุปสมบทและตัวผมเองนั้นจะให้ความสำคัญในการร่วมงานมากกว่างานแต่งงาน ด้วยมีความคิดที่ว่า "เป็นอะไรที่วิเศษมากกับการที่คนธรรมดาจะแปรเปลี่ยนไปเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่ความเคารพสักการะ"
งานบุญ.. โอกาสที่ลูกผู้ชายจะพึงกระทำเสมือนได้ตอบแทนคุญต่อบุพการี
ทุกครั้งที่ผมร่วมงานบุญนี้ ผมจะคิดถึงตัวผมเอง ว่าครั้งหนึ่งเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ผมเองก็เคยปฎิบัติเช่นนี้
ภาพงานอุปสมบทผมเอง สมัยนั้นแม่ยังพอแข็งแรง สามารถอุ้มไตรเดินรอบอุโบสถได้แต่ไม่ครบ ๓ รอบ
ภาพงานบวชของผม แม่เหนื่อยจากอาการโรคหัวใจ ให้พี่สะใภ้ผมอุ้มไตรเดินแทน
งานบวชของผมเป็นอะไรที่ธรรมดามากครับ เพราะผมเองไม่ค่อยชอบที่จะจัดงานแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เหนื่อยเปล่า อีกทั้งผมเองไม่ได้ร่ำรวยอะไร ทำงานเก็บเงินกว่าจะบวชได้ก็อายุก็เกินเกณฑ์บวชไปโข
วันที่ตัดสินใจบวชก็ง่ายแสนง่าย สมัยนั้นยังทำงานโรงงานย่านอ้อมน้อย หลังจากกลับมาจากทำงานผมเองก็ชวนพี่ชายไปวัดหาท่านเจ้าอาวาสเพื่อดูฤกษ์บวช เมื่อได้วันเป็นที่เรียบร้อยผมและพี่ชายก็กลับมาบ้านมาบอกแม่ว่า
"แ ม่ .... หนูจะบวชแล้วนะ"
แม่ยิ้มแบบงง ๆ พร้อมแสดงสีหน้าดีใจและรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นทันตา โดยผมบอกกับแม่ว่า
"หนูไม่จัดงานนะแม่ อยากจัดเรียบ ๆง่าย ๆ แม่บอกคนที่รู้จักกันนะแม่ ฉลองเพลก็มาทำบุญที่บ้านเรา เนอะ"
ภาพนี้แม่เอื้อมมือไปจูงผมเข้าประตูพระอุโบสถ โดยมีป้าหนอมอธิบายให้ก้าวข้ามธรณีประตูและเอามือแตะที่ขอบบนประตู
ผมน้อมรับผ้าไตรจีวรจากแม่ สีหน้าแม่แสดงออกถึงความปิติ
ถ่ายพร้อมหน้า แม่กับลูกสามพี่น้อง ที่เวลามิอาจย้อนกลับไป คงมีเพียงภาพถ่ายนี้ ไว้ให้หวนคำนึง
ในหนึ่งช่วงชีวิตของผมนั้น
มีท่านเป็นส่วนหนึ่งเสมอ
ไออุ่นรักได้สัมผัสจากอกเธอ
เปี่ยมล้นเอ่อ... แม่ฉัน มั่นนิรันดร์
ไม่ว่าวันนี้...หรือ วันไหน
วันอะไร ก็คือ วันแม่ฉัน
ลมหายใจเข้าออกรับรู้พลัน
ฉันมีวันนี้ได้... เพราะแม่เอย
.......................................
รักแม่มากครับ
ไม่มีความเห็น