วันนี้ไปทำงานที่ค้างคาอยู่ มีเรื่องที่ Leader เสนอแนะเกี่ยวกับทีมงาน คนหนึ่งที่ประวัติไม่ดีเลยในการทำงาน หยุดงานบ่อยมากจนต้องให้หนังสือเตือนไปแล้วคือ โดม...
เป้าหมายคือการแจ้งยกเลิกสัญญาจ้าง...
ถึงที่ทำงานผู้เขียนเรียกบันทึกการเข้างานตลอดเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะมีรายละเอียดการหยุดงาน การเข้างานสาย การไม่ให้ความร่วมมือโดยเลิกงานก่อนงานเสร็จ
พร้อมเตรียมเอกสารสำเนาหนังสือเตือนสำหรับ โดม... เตรียมมีกระดาษสำหรับให้เขียนรายงานในการหยุดงานและเข้างานสายที่ผ่านมา
หลังเตรียมทุกอย่างพร้อมก็เรียกให้ขึ้นมาพบบนออฟฟิส สิ่งแรกคือให้เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านๆมานั้นนะหยุดงานไปไม่แจ้งล่วงหน้าเพราะอะไร ถึงไม่แจ้ง มีความจำเป็นหรือฉุกเฉินอย่างไรบ้าง
แล้วนั่งฟัง ด้วยความสนใจ...แต่ส่วนมากก็จะเหมือนๆเดิมคือ ลิมเบอร์โทรหัวหน้า โทรศัพท์หาย โทรมาบอกเพื่อน ซึ่งหลายครั้งก็จะถามกลับไปว่า แล้วเพื่อนมันเป็นหัวหน้าคุณหรือ?
"โดมรู้ไหมว่าการหยุดงานโดยไม่แจ้งหัวหน้า คือความผิดตามกฎระเบียบการทำงาน" ผู้เขียนถามหลังฟังเหตุผลซ้ำซากนั้น พร้อมหยิบหนังสือคู่มือระเบียบข้อบังคับการทำงานของพนักงานมาอ่านให้ฟังถึงข้อที่ทำผิดกฎ
"ข้อที่92.2 ผู้ปฏิบัติงานจะต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ ในคำสั่งอันถูกต้องตามกฎหมายของผู้บังคับบัญชา....ข้อนี้คุณผิดตรงที่บอกจะมาทำงานครึ่งวันแต่ก็ไม่มาเลย ...คุณหลอกหัวหน้า ใช่ไหม" ผู้เขียนพยายามบีบเรื่องราวให้แคบเข้า
"ข้อ92.6 การปฏิบัติงานตามกำหนดเวลา...ข้อนี้คุณหยุดงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า"
"นี่คือห้าข้อการลงโทษทางวินัย มี เตือนด้วยวาจา ก็เตือนไปแล้ว เตือนด้วยหนังสือก็นี่สำเนาฉบับเก่า ต่อไปก็มีไม่ปรับขึ้นเงินเดือน หรือเลิกจ้าง" ผู้เขียนใกล้จะสรุป
"แต่เราเป็นพนักงานทดลองงาน ไม่มีการปรับเงินเดือนประจำปีอยู่แล้ว จึงไม่มีการบรรจุเป็นพนักงานประจำตลอดปีนี้แทน เท่ากับต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ..."
ผู้เขียนยื่นกระดาษสำหรับเขียนรายงานให้โดมเขียน เพื่อพิจารณาตัวเอง สักพักก็นำมาให้ ผู้เขียนอ่านดูเห็นว่า ยังเหมือนๆเดิม คือ..ผมจะไม่ทำผิดอีก..ประมาณนั้น
ผู้เขียนนั่งนิ่งมองหน้าโดมที่เหมือนจะเริ่มเข้าใจสถานภาพตัวเองแล้ว...
ขอบคุณภาพจาก dreamstime.com
"นี่ถามหน่อย ถ้าคุณเป็นผม คุณจะทำอย่างไรกรณีนี้ หรือถ้าผมเป็นคุณ คุณคิดว่าผมจะเขียนรายงานพิจารณาตัวเองว่าอย่างไร" ผมถาม โดมนั่งก้มหน้าหลบตา พูดเบาๆว่าก็แล้วแต่พี่
"เป็นผมจะเขียนว่าพิจารณาตัวเองโดยการขอลาออก" ผู้เขียนสรุปสั้น โดมเงยหน้าขึ้นมองผูเขียนท่าทางตกใจ
"อืม..แต่ครั้งนี้ผมขอได้ไหมครับพี่ คือ..ผมมีปัญหาจริงๆ...เออ" โดมพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง แต่เป้าหมายของผู้เขียนคือเลิกจ้าง กำลังจะพูดต่อ แต่โดมพูดสวนขึ้นมาก่อน
"คือ ตอนนี้ พ่อแม่ ผมโดนจับ เรื่องยาเสพติด และพิจารณาโทษเรียบร้อยแล้ว...และผมต้องกลับไปดูพ่อแม่ด้วยครับ..." คำพูดนี้ทำให้ผู้เขียนอึ้งและนิ่งเงียบไปสักครู่
และเรื่องราวที่ตามมาหลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยน...
หากผู้เขียนให้ลาออก หรือแจ้งเลิกจ้างกับฝ่ายบุคคล ทุกอย่างก็จบตามเป้าหมาย...
แต่ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่พ่อแม่ติดคุก เขาจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อแต่นี้ หากไม่มีงานทำ จะดูแลพ่อแม่อย่างไร...
เขายังใฝ่ที่จะทำงานสุจริตอยู่ เพื่อที่จะมีเงินไปดูแลพ่อแม่ที่ติดคุก...
ถึงตอนนี้ผู้เขียนเหมือนพูดอะไรไม่ออก นิ่งเงียบอยู่นาน
..............
ในที่สุดผู้เขียนก็ยื่นรายงานให้เขียนเพิ่มว่า..
"...หากข้าพเจ้ากระทำผิดกฎบริษัทอีกครั้ง แม้จะเพียงการเข้าทำงานสายหรือไม่ให้ความร่วมมือที่ดีต่อหัวหน้างาน ข้าพเจ้ายินดีจะให้เลิกสัญญาจ้าง..."
และได้พูดให้กำลังใจให้โดมมีกำลังใจที่จะทำงานสุจริตด้วยความตั้งใจ เป็นกำลังใจให้ในการเป็นลูกกตัญญู ที่จะช่วยเหลือดูแลพ่อแม่ แม้พวกเขาจะหลงผิดไปอย่างไร พวกเขาก็คือ พ่อแม่...
............
ผู้เขียนยืนมองลงไปข้างล่าง เห็นโดมเดินกลับไปทำงานหงอยๆ ถอนใจด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างไรบอกไม่ถูก
แต่ก็มีความสุขในการทำงานอีกวันหนึ่ง...
................
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและขอให้ทุกท่านมีความสุขสงบ
ในค่ำคืนฝนโปรยปรายกระทบดังเปาะแปะ
27 กรกฎาคม 2556
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ...
การให้ที่ดีที่สุดคือการให้โอกาสคนค่ะ
บางครั้งสิ่งที่โดมทำอาจผิด ผิดที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่แรก (แต่บางครั้งความจริงก็ทำให้เจ็บปวด)
ในส่วนตัวขอชื่นชมคุณพ.แจ่มจำรัสมากๆนะคะ
ขอให้โดมตั้งใจทำงานในหน้าที่ และเป็นลูกที่ดีของพ่อ-แม่
ขอบคุณประสบการณ์ที่เปี่ยมคุณค่านี้นะครับ อ่านแล้วยิ่งกว่าอ่านตำราการบริหารสิบเล่มมารวมกันเลยครับ
.... เดินกลับไปทำงาน หงอยๆ ถอนใจ ....
..... เป็นสิ่งที่พบบ่อยๆ ค่ะ .... ต้อง .... อดทนๆๆ นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับคุณหมอ ชีวิตคนเรามันดราม่ายิ่งกว่าในหนังเสียอีกครับ |
บางสิ่งเราได้อะไรมากกว่าการบริหารอีกครับ นี่อหล่ะหนอชีวิต |
ขอบคุณครับพี่หมอเปิ้น ครับต้องอดทนครับ ทั้งตัวเรา ตัวคนอื่น ขันติธรรม..ครับ |
เคสนี้น่าสนใจมากครับ 1 มองด้านผลประโยชน์บริษัทฯ โดมเป็นจุดอ่อน เป็นปัญหา ต้องกำจัด คุณพิชัยทำได้ทันที 2 คุณพิชัยมองผลประโยชน์ของสังคม ถ้าไม่ได้รับโอกาส โลกของโดมคงหมุนคว้าง สังคมมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเสียโดมเข้าสู่ด้านมืด
ขอให้กำลังใจแก่ทั้งสอง ครับ
พี่ พ ชื่นชมในการตัดสินใจครับพี่...ทางเลือกและเด็ดเดี่ยว...
เลือกองค์กร เลือกคน ..... จะเก็บไว้เป็นตัวอย่างค่ะ
Yanyong-P |
ลูกหมูเต้นระบำ |
ทพญ.ธิรัมภา |
ตัดสินใจยากเหมือนกันครับ คิดต่อว่าหากน้องเขาไม่กลับมาทำงานต่อ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลง...