รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร้ กับรัฐศาสตร์บัณฑิตหญิง และแม่ชีของคณะฯ


รั้วสิงห์แดงนำทางปัญญา บริหารการดำรงชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม

โดย แม่ชีสวรัตน์ วรินทรเวช  711/ร

      มหาวิทยาลัย ประสาทวิชาความรู้แก่เยาวชน นักศึกษา มีคณะหลายคณะวิชาที่ให้เลือกเรียน เช่น คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี คณะเศรษฐศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ 
คณะศิลปะศาสตร์  ฯลฯ ตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ผู้เขียนเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์การปกครอง เป็นพื้นฐานในการบริหารคน บริหารงานและองค์การ ทางคดีโลก อาจารย์คนแรกคือ บิดามารดา อาจารย์ทุกท่านเปรียบเสมือนเป็นคุณพ่อคุณแม่คนที่ 2
เป็นผู้มีพระคุณควรกราบไหว้บูชาอย่างยิ่ง กตัญญูกตเวทิตาคุณด้วยการกระทำแต่ความดี
พระอาจารย์และอาจารย์ทางคดีธรรม ได้เผยแผ่พระธรรม ตามพระไตรปิฎก ตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือการกระทำความดีที่นักศึกษาและพุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงยึดกิจการเรียนรู้ ทั้งทางปริยัติและทางปฏิบัติ 
ทั้งทางโลกและทางธรรมต้องประกอบกัน การดำรงชีวิตอยู่จึงจะมีความสุขราบรื่น ทุกศาสนาก็สอนให้กระทำความดีละความชั่วเช่นเดียวกัน ผู้เขียนเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม จึงแสดงความรู้สึกประกอบกันทั้งสองฝ่ายผสมผสานกันด้วย

       พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ จงละความชั่ว กระทำความดีให้ถึงพร้อม ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นและทำจิตใจให้ผ่องใส ขาวรอบ “ มีมาในพระโอวาทปาติโมกข์ ตามพระไตรปิฎก ฉะนั้นอยู่ที่การกระทำ ความประพฤติของเราทั้งหลายด้วย จึงมีคำว่า “ กรรม “ ซึ่งแปลว่า การกระทำ นั่นเองประการหนึ่ง ซึ่งทุกๆ คนมี “กรรม” แน่นอน มาแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นวัฏฏะไม่รู้จบ คือ เวียนว่ายตายเกิด หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฏิจจสมุปบาท เพราะการกระทำ พฤติกรรมความประพฤติของเราทั้งหลายนี่เอง ทำให้เราแต่ละคนดำเนินชีวิตไปต่างๆ นานกันยังไงล่ะ รูปร่าง หน้า ความเป็นอยู่ ฐานะ แตกต่างกันไป การกระทำความดี ความชั่ว หรือกุศล อกุศล ทั้งดีและไม่ดีด้วย แม้จะเล่าเรียนศึกษาคณะเดียวกันมาด้วยกันก็จริง เมื่อจบการศึกษาแล้ว ต่างคนต่างก็ต้องแยกย้ายไปประกอบอาชีพ เพื่อดำรงชีวิตของตนๆ ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน คือส่วนรวมแห่งสังคมทั้งโลกภายนอก คือโลกที่เราอาศัย และโลกภายใน ที่รูป - นาม คือ ตัวตนดำรงอยู่ นี่เกิดจากสภาวธรรม และเป็นไปตาม “ กรรม “ คือการกระทำของตนๆ จริง ไม่จริงพิสูจน์ได้เอง

        ก่อนอื่น กล่าวถึงรั้งสิงห์แดง คณะรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นก้าวแรกจากเยาว์วัยสู่ชีวิตใหม่ที่จะต้องรับผิดชอบตัวเองและส่วนรวม ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ผู้นำ มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งทางการปกครอง และการทูต  ประมาณ 120 คน (รูป-นาม) เป็นเพื่อนที่น่ารัก น่ายินดีด้วยกันทุกคน ทั้งสนิทกันและห่างๆ กันก็จริง ทุกคนก็เป็นกัลยาณมิตรด้วยกัน แต่เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนค่อนข้างไม่ช่างพูด สงบเงียบ ขรึมมากๆ ในวัยเด็ก และวัยนักศึกษา (พูดก็น้อย ต่อยก็ไม่หนัก) แต่มีความรู้สึกรักเพื่อนทุกคนเลย คิดถึงเพื่อนมากๆ เมื่อจากกันและกันมา ทั้งเพื่อนหญิงและเพื่อนชายทั้งหลาย ในวันเลี้ยงรุ่นปีละครั้ง มาในงานบ้างไม่มาบ้าง

        จะด้วยภาระหน้าที่ หรือเหตุผลใดก็ตาม คิดถึงระลึกถึงเพื่อนอยู่เสมอ ตอนนี้วัยชราภาพแล้วทุกคนคงรู้นะว่ากำลังเดินทางไปไหนกัน แต่ไม่รู้จะไปอยู่ที่แห่งใด ภพภูมิใด ก็อยู่ที่ “กรรม” คุณความดีหรือความชั่ว มีหนังสือ “ธรรมเพื่อชีวิต” ให้ลองอ่านดู มีทางเลือกยังไม่สายเกินแก้ จงดำเนินตามรอยพระศาสดาของทุกๆ ศาสนา ที่เลือกนับถือเถิดไปดีแน่ๆ เลือกเอา มีถึง 31 ภพภูมิ

       ตอนที่ผู้เขียนศึกษาคณะรัฐศาสตร์จากปี 2502 - 2506 รับปริญญา ปี 2507 จะต้องโบยบินไปประกอบอาชีพที่เราไม่รู้ว่าจะได้อาชีพใดที่ถาวรในการดำเนินชีวิต ไปทดลองเป็นลูกจ้างธุรการที่กองสำรวจออกแบกรมทางหลวงอยู่ 2 ปีเศษ จึงมีพระเอกเป็นวิศวกรคอยติดตาม ขณะทำงานกองสำรวจออกแบบได้ข่าวว่ามีการสอบเป็น  รองปลัดเทศบาล และปลัดเทศบาล ของกองราชการส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย คิดว่าจะได้มีงานที่ดีให้ทำแล้ว ทดลองไปสอบแต่ไม่ทราบว่าเป็นงานในแนวไหน ปรากฏว่าสอบได้ ทางราชการบรรจุให้เป็นรองปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ทดลองปฏิบัติงาน 6 เดือน จึงได้บรรจุให้เป็นข้าราชการประจำระดับชั้นตรี ในสมัยนั้น ได้ทำงานราชการตรงกับที่ได้ศึกษามา สายการปกครองพอดีเลย บริหารคนและองค์การ เป็นตำแหน่งกลางๆ คือ มีผู้บังคับบัญชาเป็นนายกเทศมนตรี นักการเมืองระดับท้องถิ่น ภายในเขตเทศบาล

       นอกจากอยู่ใต้การปกครองของนักการเมืองระดับท้องถิ่น และมีผู้ใต้บังคับบัญชาแผนกกอง ฝ่ายต่างๆ งานสำนักปลัดเทศบาล งานช่าง คลัง โยธา สาธารณสุข โรงเรียน ดูแลไปหมด ตลอดจนทะเบียนราษฎร ความเป็นอยู่ทุกข์สุขของประชาชนในท้องถิ่น ภายในเขตเทศบาล นอกจากอยู่ใต้การปกครองบังคับบัญชาของนักการเมืองแล้ว มีระดับจังหวัด กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย อีกเป็นต้น  จึงต้องพยายามบริหารด้วยระเบียบวินัย ฟันฝ่าอุปสรรคเรื่อยๆ เอาตัวรอดมาได้ ได้เงินเดือนรับประทาน เลื่อนขั้น 2 ขั้น 2 ปี ซ้อนมาโดยตลอด ไม่เคยต้องวินัยใดๆ

      กระนั้น ชีวิตตนกระทำเอง อยู่ที่ “กรรม” ผกผัน รับราชการได้ 20 ปี โยกย้ายไปเทศบาลต่างหลายเทศบาล ประมาณ 13 เทศบาล ปี 2528 เป็นรองปลัดเทศบาลระดับ 7 ที่เทศบาลนครพิษณุโลก ตำแหน่งนี้ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็เป็นปลัดเทศบาล พอเลื่อนขึ้นระดับใหม่ก็เป็นรองปลัดเทศาล สลับอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

      ปี 2528 ชีวิตผกผัน เชื่อเพื่อนชวนไปช่วยสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่บ้านเกิด จังหวัดพัทลุง
สนุกในความรู้สึกคิดว่าคงไม่ได้รับเลือกตั้ง ทดลองดูไม่ได้รับเลือกก็กลับมารับราชการตามเดิม แต่ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงคณะบริหารชุดใหม่ ผู้เขียนอยู่ “พรรคก้าวหน้า” ผู้หญิงคนเดียว นอกนั้นผู้ชายทั้งหมด ขึ้นเวทีหาเสียงกับเขาด้วย ผลปรากฏว่าได้ยกทีมทั้ง 12 คน เว้นไว้ฝ่ายค้าน 6 รวมเป็นสมาชิก 18 คน 2 ฝ่าย เพื่อนหลอกว่าจะให้เป็นนายกเทศมนตรี โดยเพื่อนบอกว่าขอเป็นปีเดียวแล้วจะออก ให้คณะทีมที่เขาจัดไว้เป็นนายกฯ พอรับเลือกตั้งได้จริงๆ เขาไม่ให้เป็นจึงต้องได้ตำแหน่งเพียง เทศมนตรี ฝ่ายการโยธา ก็หนักเหมือนกันกับงานฝ่ายนี้เกี่ยวข้องกับการดูแลความทุกข์สุขของประชาชนความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เงินเดือนหรือค่าตอบแทนลดลงต่ำกว่าเดิมครึ่งหนึ่งของเงินเดือนในการเป็นข้าราชการ หรือตำแหน่งบริหารฝ่ายประจำที่ได้รับอยู่ก่อน นี่เป็น “กรรม” การตัดสินใจของตนเอง ที่ทำงานราชการไว้ 20 ปีกว่าๆ

       จึงขอกลับเข้ารับราชการใหม่ ตำแหน่งเดิมไม่ว่าง  ได้กลับไปเป็นหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลช่วงหนึ่ง ที่เทศบาลเมืองตรัง จึงสอบเลื่อนเป็นปลัดเทศบาลตามเดิม ที่เทศบาลเมืองปทุมธานี เป็นไปตามกฎแห่งกรรมนะ  จริงๆ แล้วโยกไปย้ายมา ที่สุดแห่งการรับราชการตำแหน่งปลัดเทศบาลเมืองราชบุรี ระดับ 8 สอบระดับ 9 ได้ไม่ได้รับการเลื่อนระดับกับเขา ทั้งที่ปลดเกษียณควรได้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 นี่ก็เป็นไปตาม ”กรรม” อีกนั่นแหละ เมื่ออดีตคงไปถ่วงตำแหน่งหน้าที่การงานผู้อื่น ไม่ยินดีกับผู้ที่ได้เลื่อนยศ จึงได้ตำแหน่งเพียงเท่านี้ ดังนี้วาสนาแห่งการรับราชการ 20 ปี กับอีก 15 ปี เป็น 35 ปี ก็จบชีวิตราชการได้เพียงเท่านี้ ปลดเกษียณอายุราชการที่เทศบาลเมืองราชบุรี ปี 2541

       เมื่อก่อนปลดเกษียณ ปี  2541 คิดโลภ เอาทรัพย์มรดกไปประกันกับธนาคาร เอาเงินมา  ห้าล้านบาท เพื่อจะลงหุ้นซื้อที่ดินทำรีสอร์ทกับเพื่อนรุ่นน้อง ขณะอยู่เทศบาลปากแพรก หรือเทศบาลเมืองทุ่งสงขณะนั้น เขาคนนั้นเป็นเพื่อนของสมาชิกเทศบาลเมืองทุ่งสง เห็นว่าเขาเป็นเด็กขยันเอางาน ทั้งครอบครัวทำบ้านจัดสรรขาย แต่ปรากฏว่าเอาอาชีพบังหน้า เป็นนักต้มตุ๋นอยู่ในการทุจริตใช้ชีวิตหลอกลวง นายธนาคาร  รองผู้ว่าราชการจังหวัด พ่อค้าหลายๆ คนก็ยังหลงเชื่อ นักร้องสุเทพ วงศ์กำแหง ก็ถูกหลอกไปกับผู้เขียนด้วยไม่ได้ค่าร้องเพลง ผู้เขียนลงทุนห้องอาหาร บ้านตัวอย่าง 1 หลัง ในที่ดิน 29 ไร่ มีสวนดอกไม้พรรณนานาชนิด ที่ดินอยู่ใกล้น้ำ มีคลองใหญ่ส่งน้ำ สวยงามในหน้าน้ำ จะทำสวนสุขภาพบำบัดด้วย ความฝันทะลายเพราะหุ้นส่วนเอาเงินไปแล้วไม่ให้เงินแก่เจ้าของที่ดิน ที่ดินถูกยึดคืน ที่จริงเงินของผู้เขียนคนเดียวก็ซื้อที่ดินได้แล้ว ด้วยเหตุให้เขาไปดำเนินการแทน  รู้เท่าไม่ถึงการณ์เชื่อถือหุ้นส่วนผู้เขียนย้ายไปเป็นปลัดเทศบาลราชบุรี และปลดเกษียณที่นั่น บังเอิญเป็นบ้านเกิดของสามีหุ้นส่วน ผู้เขียนหลงเชื่อหุ้นส่วน ทรัพย์มรดกก็ทะลายลง  เอาออกจากธนาคารไม่ได้หลายปี ไม่ได้ฟ้องร้อยเพราะไม่มีเงิน


      บังเอิญ ปี 2543 คุณพ่อเสียชีวิตลง ผู้เขียนไม่ได้คิดจะบวชล่วงหน้ามาก่อนเลย อยู่พัทลุงเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อจะมางานศพของคุณพ่ออยู่ดีๆ ก็คิดจะบวช เลยเข้าบวชชีในพุทธศาสนา วัดปรินายก ใกล้สะพานผ่านฟ้า อยู่มาจนทุกวันนี้ แล้วย้ายมาอยู่สำนักเนกขัมมาภิรมย์สถาน วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ยังไม่คิดจะสึกและกำลังศึกษาทางธรรมและศึกษาต่อไปอีก ตอนนี้จบธรรมศึกษาเอก ปี 2547 และอภิธรรมบัณฑิต รุ่น45/2551 ซาบซึ้งในรสพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งตอนต้นๆ ในปริยัติและปฏิบัติ จะบอกเพื่อนว่าให้ทดลองไปศึกษาดู ทางสายเดียวเท่านั้นที่นำไปสู่ อริยสัจ 4 และปฏิจจสมุปบาท ความจริง 4 ประการ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทางไปสู่มรรค ผล นิพพาน การวนออกจากวัฏสงสาร หรือ ปฏิจจสมุปบาท คือการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ เทวดา และสรรพสัตว์ทั้งหลายใน 31 ภพภูมิ ถ้าต้องการทราบว่าเป็นอย่างไร โปรดสละเวลาของเพื่อนทั้งหลายไปลองศึกษา ท่านจะรู้ความจริงแห่งชีวิต สภาวธรรมที่มีอยู่จริงในโลกนี้ไม่ผันแปร พระพุทธเจ้าได้ค้นพบมาตรัสเผยแผ่ให้บรรดาเหล่าสาวกและอริยสงฆ์เจ้า เหล่าสาวกได้ถ่ายทอดมาถึงเราทั้งหลาย ล่วงมาถึง 2556 ปีแล้ว เชิญได้ลองมาดู ทดลอง ทดสอบเอง ขอให้ท่านทั้งหลายได้แสงสว่างแห่งปัญญา มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ผู้เขียนกำลังศึกษาและปฏิบัติอยู่ และขอให้ทุกท่านได้นิพพานโดยเร็วเทอญ

       ส่วนผู้นับถือศาสนาอื่น การพากกเพียรก็ต้องได้ทางมหากุศลตามศาสนาของท่านด้วยกันทุกคน ถ้าต้องการ มรรค 4 ผล 4 พระนิพพาน 1 เชิญผู้นับถือศาสนาอื่นๆ ลองศึกษาดูก็ได้แล้วท่านจะได้ศาสนาประยุกต์ ได้ความรู้เพิ่มเติมความแตกต่างว่าเป็นอย่างไร

       เรื่องครอบครัวยกยอดไปนานแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ยกยอดให้คนอื่นดูแลแทน เสียเวลาเปล่าๆ ทั้งทรัพย์สินก็ไม่ต้องแบ่งสันปันส่วน เงินทองทุกอย่างไปทั้งหมดด้วยอย่างดี เป็นอันว่าจบทางโลกทั้งหมดโดยเด็ดขาด แต่อะไรก็ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผู้เขียนขอบคุณทางราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มอบเงินบำนาญและบำเหน็จตกทอดไว้เป็นน้ำซึมบ่อทรายให้ผู้เขียนได้บำนาญไว้รับประทานในการดำรงชีวิตต่อไปได้นานเท่านาน
จนกว่าสิ้นสุดแห่งชีวิต จิต เจตสิก (รูป-นาม) หมดไม่เหลือในบั้นปลายแห่งการดำรงอยู่ ตามแต่กฎแห่งกรรม ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด กรรมดี กรรมชั่ว ต้องนำจิตไปเกิดใหม่อีก จึงเพียรปฏิบัติและขออธิษฐานไว้ เมื่อใดก็ได้ ขออาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เจ้า เพื่อบรรลุมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 โดยเร็วด้วย แล้วแต่ตามวาสนาบารมีของตนๆ

       สรุป สรรพสัตว์ทั้งหลาย เวียนว่ายตายเกิด เป็นวัฏฏสงสาร เป็นไปตามกรรม

                  คือ                                         การกระทำความดี ความชั่ว

                  กัมมัสสะกา                            เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน

                  กัมมะทายาทา                        เป็นผู้รับผลของกรรม

                  กัมมะโยนี                               เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
                  กัมมะพันธู                              เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

                  กัมมะปฏิสสาระณา                 เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

                  ยัง  กัมมัง กะริสสันติ               จักกระทำกรรมอันใดไว้

                  กัลยาณัง  วา ปาปะกัง  วา       ดีหรือชั่ว

                  ตัสสะ  ทายาทา ภะวิสสันติ      จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

        ชีวิตของผู้เขียนถ้าดูตามชีวิต กราฟจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่ราบรื่น สุขทุกข์ไม่ราบเรียบเป็นไปตามกรรมของตนๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็เป็นไปตามกรรม จะส่งให้ต้องกระทำแต่ความดี เพิ่มพูนพลังอินทรีย์ยิ่งๆ ขึ้นให้แก่กล้า จนกว่าจะถึงแรงจิตอธิษฐานตามวาสนาบารมี ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน

       ต่อแต่นี้ ขอนำไปสู่ความรู้ทาง 7 สาย และทางไปนิพพาน ตามแต่จะเลือกทางเดินเอา 

       ขอผู้อ่านบทความนี้ จงมีความสุข ความเจริญ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสาร ธรรมสารสมบัติ
พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ในสิ่งพึงปรารถนา จนบรรลุ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 โดยเร็ว     เทอญ


                                         -------------------------------------------






หมายเลขบันทึก: 543550เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2013 06:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม 2013 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณครับ ที่นำประสบการณ์ดีๆมาแบ่งปัน

 

      ..... ขอบคุณบทความดีดี มีคุณค่า นี้ค่ะ ..... 

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ...ยายธี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท