เกี่ยวกับสิ่งที่เขียนมักมาจากสิ่งที่เห็นแล้วนํามาคิด ได้ดูหนังซีรี่จีนจากในเว๊ปจีนของเมืองซีดนี่ออสเตเลียเกี่ยวเรื่องประวัติศาสตร์จีน ขุนศึกเอี้ยเฟย"งั๊กฮุย"ในชื่อไทย ในหนังผู้สร้างไม่ได้เน้นเรื่องความรักระหว่างหญิงชายมาก กลับเน้นเรื่องความกตัญญูตามแบบบันทึกในประวัติศาสตร์ยุคราชวงศ์ซ่งช่วงปลาย ตอนเด็กผู้เขียนก็รับรู้เรื่องราวของประวัติศาสตร์ช่วงนี้มา สิ่งที่จําได้มาถึงปัจจุบันคือแม่ของเอี้ยเฟย สักอักษรจีนสี่ตัวลงบนแผ่นหลังเอี้ยเฟยคือ精忠报国 แปลว่ากตัญญูต่อประเทศชาติ ก่อนที่เอี้ยเฟยจะเข้าไปเป็นทหารช่วงที่ประเทศชาติมีภัย นางยังกําชับลูกอีกต้องกตัญญูต่อคุณธรรม
ทั้งในบันทึกและหนังสิ่งที่เอี้ยเฟยต้องเผชิญไม่มีแต่ข้าศึกภายนอกจากชนเผ่าจิน ศึกภายในกลับสาหัสกว่าเพราะขณะนั้นผู้ปกครองอ่อนแอขุนนางในสภากลับแอบช่วยเหลือข้าศึกให้รุกเข้ายึดเมืองหลายแห่งของอาณาจักรซ่งแล้วยังต้องสังเวยนักรบขุนศึกไปมาก แค่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เอี้ยเฟยต้องพยามหาวิธีที่จะออกไปสู่รบกลับข้าศึก แม่ทัพกลับออกคําสั้งห้ามอ้างว่ากองทัพจินชํานาญการรบมากกว่าออกไปก็พ่ายแพ้ เอี้ยเฟยไม่อยากจะขัดคําสั่งแม่ทัพแต่ใช้วาจาบอกกล่าวแม่ทัพว่า ถ้าแม่ทัพไม่อยากให้คนรุ่นหลังสาปแช่งควรให้ตนออกรบ ที่สุดเอี้ยเฟยก็ได้ออกไปรบแต่เจ้าแม่ทัพก็ยังหาวิธีอื่นเพื่อฆ่าเอี้ยเฟย ในประวัติศาสตร์จีนมักให้ความสําคัญกับคําว่าอย่าให้คนรุ่นหลังสาปแช่ง แต่ทุกวันนี้ที่เห็นอยู่ในประเทศนี้เป็นอย่างที่เขียนมาหรือไม่
ศาลเจ้าเอี้ยเฟยที่เมืองหังโจว
รูปปั้นของเอี้ยเฟยในศาลเจ้าด้านหลังเข้าไปก็จะหลุมฝังศพของเอี้ยเฟย
ขุนนางขายชาติ
นี่คือรูปปั้นของฉินคุ้ยและภรรยาขุนนางตัวใหญ่ฝ่ายอธรรม ที่ถูกผู้คนสาปแช่งมาจนปัจจุบันนี้ มีรูปปั้นเป็นหลักฐานอยู่หน้าศาลเจ้า แต่ก่อนผู้คนที่เข้ามาศาลเจ้าจะถ่มนํ้าลายใส่รูปปั้นแต่ปัจจุบันถูกห้ามเพราะสกปรกเลอะเทอะไม่สอาดตา
ขอบคุณทุกท่านที่ให้กําลังใจ
ขอบคุณค่ะ
อยากให้หลาย ๆ คนที่กำลังทำตัวแบบแม่ทัพนั่น
มาดูแลัคิดได้บ้างจังเลยค่ะ