เหตเกิดเพราะใคร


เหตุเกิดเพราะใคร...?

  ขณะที่ครูหยินได้จัดกิจกรรมกรรมค่ายมาอย่างต่อเนื่อง ในวันหนึ่งผู้ปกครองนักเรียนซึ่งมีอาชีพครู และได้รับการคัดเลือกเป็นครูต้นแบบ ส่วนพ่อเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมระดับกลางโรงเรียนหนึ่ง  มาหาที่บ้านขอร้องให้ช่วยพาลูกของเขาชื่อว่า  เหน่ง เข้าค่ายด้วย ซึ่งกำลังเรียนอยู่ในชั้น ม.2  เพราะเขาเป็นเด็กที่ไม่พูดจากับใคร วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือการ์ตูน ดูหนังการ์ตูนเก็บตัวเงียบทุก ๆ วันไม่เคยพูดจากับใครดูราวกับว่าเป็นเด็กออทิสติก ครูหยินตอบตกลงด้วยความยินดีเพราะกำลังจะมีค่ายนักเรียนมัธยมต้นพอดี

  เมื่อถึงเลาวันเรียนรู้ด้วยการเข้าค่ายจริง เด็กคนนี้จึงตกเป็นเป้าสายตาของครูหยินพร้อมกับวิทยากรพี่เลี้ยงที่ครูหยินให้ข้อมูลเบื้องต้นถึงความจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่ กิจกรรมได้เริ่มต้นจนถึงพักเที่ยง เหน่งไม่ยอมคุยกับใครไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือรุ่นพี่วิทยากร แต่ยอมเต้น และยอมทำกิจกรรมตามพี่เลี้ยงที่จัดให้จนถึงเวลาพักเที่ยงรับประทานอาหาร ครูให้จับคู่บัดดี้กินกันเป็นคู่  ครูมีอาหารเลี้ยง แต่เหน่งพกมาจากบ้าน และไม่ยอมกินกับเพื่อนปลีกตัวมานั่งแอบเสากินคนเดียวจนหมด.....สร้างความลำบากใจให้กับครูหยินมาก ๆ (เริ่มเครียดเหมือนกัน นี่เราทำไรไม่ได้จริง ๆ หรือ) จนกระทั่งกิจกรรมก็ดำเนินมาถึงช่วงบ่าย  ครูหยินยังไม่พบรอยยิ้มเหน่งเลย และยังไม่ยอมคุยกับใคร กับครูหยินเองก็ถามคำตอบคำแต่ยอมตบมือทำกิจกรรมเหมือน ๆเพื่อนจนสิ้นสุดกิจกรรมค่ายเดินทางกลับบ้านด้วยตัวเองเพราะระยะทางห่างจากโรงเรียน 1  กิโลเมตร  ครูหยินทบทวนความล้มเหลวของตัวเองที่ไม่สามารถเปิดปากให้เหน่งพูดกับเพื่อน ๆ ได้ ไม่เห็นรอยยิ้มของเหน่ง ขณะที่เพื่อน ๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

  ถึงเวลา  2 ทุ่มในวันเดียวกัน ครูหยินได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่ เหน่ง เล่าให้ฟังว่าเหน่งมาค่ายครูหยิน สนุกมากมีความสุขมาก ๆ เลย  และจะขอมาค่ายอีกจะจัดกันวันไหน อยากเข้าค่ายอีก  และเหน่งเป็นคนที่ชอบวาดภาพ......ว๊า .. ! .. หัวอกนังแป้นแตก...เป็นไปไดหรือแสดงว่างานนี้ที่ดูเหมือนว่าล้มเหลวกลับดูเหมือนว่ามีชัยไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ชีวิตครูหยินถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

  แม่เหน่งจึงบอกว่าถ้ามีค่ายอีกค่ายอะไรก็ได้ขอให้โอกาสให้เหน่งอีกสักครั้ง  และเหน่งชอบวาดภาพเงียบอยู่คนเดียว ตอนนี้เหน่งเริ่มคุยมากขึ้นกว่าเดิม  ชีวิตครูหยินได้มีการหลั่งสารฮอร์โมนแห่งความสุขมากขึ้น ความสุขเหล่านี้หาซื้อกันไม่ได้  ครูหยินจึงไม่ชักช้านัดเวลาอีก 2 สัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการศึกษาป่าชายเลนชุมชนบ้านทุ่งตะเซะ ซึ่งอยูห่างจากโรงเรียนเป็นระยะทาง 12  กิโลเมตร  และพาเด็กไปเก็บหอยปะ ที่ปลายหาดของป่าชายเลน จึงไม่รีรอวางแผนเพียงเพื่ออยากเยียวยาเหน่งคนเดียวเท่านั้น  เริ่มคิดถึงความถนัดของเหน่ง อะไรก็ได้ที่เขาชอบทดลองจัดให้เขาได้ทำ เรียนรู้ด้วยใจรัก คงพอจะเปิดใจเขาได้บ้าง จึงวางแผนรับสมัครนักเรียนเพิ่มเติมเพราะการเรียนรู้จะต้องมีสังคม พาไปศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน โดยมีกิจกรรมการวาดภาพด้วย  จึงประสานกับผู้ปกครองของเหน่ง  ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไปได้รับโทรศัพท์จากแม่เหน่งอีกครั้ง  เล่าให้ฟังว่า  เหน่งดีใจและมีความสุขมาก และอยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จึงลงทุนไปซื้อกระดาษวาดเขียน 100 ปอนด์ ดินสอ ยางลบ พร้อมกับกระดานที่รองกระดาษสำหรับวาดภาพ มีความตั้งใจและตื่นเต้นมาก...กว่าจะถึงวันกำหนดมีการโทรศัพท์หาครูหยิน  3  ครั้งถามถึงการเตรียมตัวไปเข้าค่ายต่าง ๆ นานา  จนถึงวันที่กำหนดเหน่งตื่นเช้าเป็นพิเศษโดยไม่ต้องปลุก และบอกแม่ว่าให้แม่ไปซื้อเงาะฝากครูด้วย  และในวันนั้นนักเรียนคนแรกที่มาถึงโรงเรียนคือ เหน่ง มาในมาดของนักจิตกรน้อยมีกระเป๋าเป้สบายหลังสีดำที่ดูแล้วหรูกว่าใคร การเดินทางได้เริ่มขึ้นการบริหารนักเรียนก็เป็นหน้าที่พี่เลี้ยง เมื่อถึงจุดที่ศึกษาจริง ครูหยินเดินนำหน้า และตามติดด้วยเหน่งที่มีความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น แววตาเป็นประกาย ทันทีที่ถึงศาลาแรกครูหยินก็เริ่มแนะนำ  และแล้วเหน่งก็เริ่มใช้คำถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ครูครับนี่ต้นอะไร ไม่เคยเห็นต้นไม้ใบแบบนี้เลย ดูซิมีหนามด้วย นี่เป็นคำถามแรกของเหน่งที่ยอมเปิดปากพูด  ต้นที่ว่านั่นคือต้นเหงือกปลาหมอนั่นเอง  ...แค่เห็นแววตาแห่งความสุข  และรอยยิ้มที่สดใสของเหน่ง  เป็นพลัง เป็นแรงบันดาลใจที่ใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับชีวิตของความเป็นครู  ครูหยินมีความสุขมากที่สุด จึงได้แอบบันทึกภาพรอยยิ้ม และแววตาของความสุขของเหน่ง เพราะมันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของครูหยิน  กิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปด้วยดีสนุกสนาน และความตั้งใจในการเรียนรู้  จนถึงเวลาพักเที่ยงรับประทานอาหารข้าวมันไก่มื้อโปรดสะดวกต่อการพกพาอาหารจานเดียว...ทันทีที่ครูและพี่เลี้ยงกินยังไม่ถึงครึ่งห่อ เหน่งรีบกินมากเสร็จก่อนใคร และลุกขึ้นมาขออนุญาตออกไปเดินชมป่าชายเลนรอทุกคนกินเสร็จ เพราะเตรียมตัวจะเดินทางไปปลายหาดเพื่อเล่นน้ำและเก็บหอยปะกัน  5  นาทีผ่านไป มีเพื่อนวิ่งมาหน้าตาตื่นตะโกนเสียงลั่น  ครูครับ เหน่งตกสะพาน ครับเลือดไหลเต็ม หมดเลยครับ  และแล้ววินาทีแห่งความสุขก็ได้สิ้นสุดลงในชั่วพริบตา  เดินไปหาเก่งยืนค้ำสะพานไม้ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ เลือดไหลไหลนองอาบรากตะบูนดำที่คนตรังเรียกว่าหัวตุหยัง  จึงช่วยกันประคับประคองนำส่งโรงพยาบาล  โทรหาพ่อ-แม่  กำลังมีภารกิจอยู่ในตัวเมือง พาเหน่งเข้าห้องฉุกเฉินหมอบอกว่า แผลกว้าง 4 ซม. ลึก 7 ซม.ต้องทำความสะอาดแผลนานมากเพราะรากไม้ที่ตำเข้าไปลึกและสกปรกมาก หมอบอกว่าต้องพักตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานประมาณ  7  วัน จึงต้องตัดสินใจให้เข้ารับการรักษาตัวห้องพิเศษ รอพ่อแม่มาดูลูกจนถึงเวลา  5  โมงเย็น ภาพแรกที่พ่อเห็นลูกนอนพักอยู่โรงพยาบาลทักทายกันด้วยคำตำหนิว่า  ลูกซน ไมเอาไหน ไม่เหมือนน้องเรียบร้อยทุกอย่างพ่อแม่จึงเริ่มบรรยายความดีที่แตกต่างระหว่าพี่กับน้อง  ว้า !  นอกเหนือจากความตกใจของครูหยินแล้วมันจึงเปลี่ยนเป็นความเศร้าซะดื้อๆ..เริ่มเข้าใจชีวิตเหน่งมากขึ้นเข้าใจพฤติกรรมการเก็บตัวการไม่ยอมพูดกับใคร เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ชีวิตอยู่กับการ์ตูน  สุดท้ายใกล้มืดค่ำเต็มทีแม่ถามเหน่งว่า เมื่อเหน่งต้องพักรักษาตัวหลายวันเหน่งจะให้ใครเฝ้า...เป็นคำถามที่มีคำตอบที่ทุกคนคาดไม่ถึง คือ เหน่งอยากให้ครูหยินเฝ้าไข้  ฮะ ฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่า ดีใจ เสียใจกับการเลือกของเหน่งในวันนี้  พ่อได้ยินจึงตัดสินใจว่าขอให้ครูหยินเฝ้ากลางวันดีกว่า พ่อ-แม่เกรงใจครูมากกลางคืนแม่เฝ้าเอง  เราจึงสับเปลี่ยนเวรยามกันถึง 6  วัน ผู้ปกครองขอออกจากโรงพยาบาลก่อนด้วยความเกรงใจครู 

  ชีวิตหนึ่งของความเป็นครู  มันมีอะไรมากมายให้ค้นหา ภาพปริศนามีให้เสมอ  คำตอบที่ได้มา  มันลึกซึ้งอย่างที่คาดไม่ถึง....สอนให้ครูรู้ว่าอย่าตัดสินใจใครเพียงภาพที่เห็น...อย่าตำหนิใคร......โดยไม่มีเหตุผล............เพราะในกอไผ่มันมีอะไรมากมายกว่าที่เราจะคิดได้.....ละครชีวิตมีหลายกฉากหลายบทตอน.....ต้องเล่นได้ทุกบทบาท เรียนรู้  เข้าใจ ยอมรับ  ยอมปรับ  และยอมเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองและสังคม

หมายเลขบันทึก: 541747เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2013 07:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม 2013 07:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยากมากที่เราจะรู้จัก เข้าใจใครได้ถ่องแท้เพียงสัมผัสผิวเผิน นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนนะครับ ขอบคุณ

"ภาพปริศนามีให้เสมอ คำตอบที่ได้มา มันลึกซึ้งอย่างที่คาดไม่ถึง....สอนให้ครูรู้ว่าอย่าตัดสินใจใครเพียงภาพที่เห็น...อย่าตำหนิใคร......โดยไม่มีเหตุผล............เพราะในกอไผ่มันมีอะไรมากมายกว่าที่เราจะคิดได้.....ละครชีวิตมีหลายกฉากหลายบทตอน....."

ขอบคุณค่ะที่ได้อ่านบันทึกยาว ๆ ของครุหยิน ครูหยินมีเรื่องเล่ามากมายเร้าใจ ตื่นเต้น เพราะสนุกสนานอยุ่กับนักเรียน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท