ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๓๖.คนแก่เที่ยวสวิส (๕) วันที่ ๔ ในสวิส : วันเจ็บป่วยและโชคช่วย



คืนวันที่ ๑๑ พ.ค. ๕๖ ผมนอนรวดเดียว ๗ ชั่วโมงเศษ โดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับอีกต่อไป

วันนี้วันอาทิตย์ ทุกอย่างเปิดสาย ผมออกไปวิ่งตอน ๖.๓๐ น. พบฝนปรอย และอากาศเย็นลงกว่าเมื่อวานมาก ผมทนวิ่ง บอกตัวเองว่าเด็กบ้านนอกทนฝนทนแดด ธรรมชาติฝึกมาแต่เด็ก ผมวิ่งไปทางกาสิโน และสะพานที่เชื่อมไปทางจตุรัสพิพิธภัณฑ์ ฝนตกหนักขึ้น แต่ผมอยากได้รูปเขื่อนกั้นแม่น้ำอาเรอ จึงทนวิ่งไปจนสุดสะพานและอ้อมกลับมาถ่ายรูปเขื่อนกลางแม่น้ำ

เรามีแผนว่าวันนี้จะเที่ยว เบิร์น และทูน โดยตอนเช้าเที่ยว เบิร์น แล้วตอนบ่ายไป Spiezไปลงเรือล่องแม่น้ำ กลับมา Thun แล้วนั่งรถไฟกลับ เบิร์น

ตอนเช้าเราเริ่มด้วยแผนไปดูUniversity Botanical Gardenท่ามกลางสายฝนและความหนาวสาวน้อยบอกว่าไปรถสาย ๑๒ โดยขึ้นสาย ๑๐ ไปสถานีรถไฟแล้วไปต่อสาย ๑๒ ไปลงป้าย University แล้วไปไม่ถูกสาวน้อยพยายามดูแผนที่ในหนังสือและถามทางจนหมดหวังจึงนั่งรถสาย ๑๒ กลับมาลงสถานีรถไฟแล้วเลยตามเลยขึ้นรถไฟ SBB ไปSpiezหวังไปจับเรือล่องทะเลสาบThunกลับมาเมือง Thun

ถึงSpiezเดินออกไปชมวิวได้ถ่ายรูปวิวทะเลสาบทูนแล้วฝนตกและหนาวลมแรงจะไปหาข้อมูลที่iพบว่าปิดวันอาทิตย์สาวน้อยขอไม่ลงเรือจึงนั่งรถไฟกลับทูนรถขบวนที่เรานั่งเป็นขบวนระหว่างประเทศไปเบอร์ลินพอเราขึ้นรถชั้น ๒ ก็ไปเจอห้องพิเศษนั่งได้ ๖ คนเราครองที่นั่งทั้งห้อง ๒ คนเป็นเวลาประมาณ ๒๐ นาที

ที่ทูนฝนตกพรำๆเป็นบางช่วงและไม่หนาวนักพอเดินไหวสาวน้อยถามทางไปสะพานไม้ข้ามแม่น้ำอาเรอเดินข้ามสะพานไม้โบราณที่จริงๆแล้วเป็นเขื่อนจัดการน้ำน้ำสีเขียวมรกตสวยยิ่งกว่าแม่น้ำอาเรอที่เบิร์นแล้วเราจึงได้เดินริมแม่น้ำอาเรอที่ทูนให้ความสวยงามและสดชื่นยิ่งนัก

น้ำในแม่น้ำอาเรอมาจากหิมะละลายลักษณะของน้ำสะอาดมากสีเขียวมรกตสวยงามการที่น้ำในแม่น้ำสะอาดเช่นนี้เดาว่าเป็นเพราะผู้คนมีวัฒนธรรมรักษาสภาพแวดล้อมและธรรมชาติสะท้อนความมีวัฒนธรรมของคนสวิสเขาไม่ได้ใช้แม่น้ำเป็นที่กำจัดของเสีย

เสียอย่างเดียวอาการปวดเข่าซ้ายของสาวน้อยกำเริบหนักขึ้นมากโดยเราไม่ได้เอาไม้เท้าที่เตรียมซื้อมาจากเมืองไทยวันก่อนๆเราถือไปด้วยอาการปวดไม่มากวันนี้จึงไม่ถือไปกลับปวดรุนแรงจนเดือดร้อน

เราพบว่าเมืองทูนเป็นเมืองโบราณที่น่าเที่ยวมากเราเดินไปพบถนนที่ขนานกับแม่น้ำอาเรอเป็นถนนแคบๆที่มีร้านอยู่สองข้างถนนที่ยกพื้นขึ้นมาสูงกว่าถนนมากเป็นทางเท้าให้คนเดินช็อปปิ้งคนที่ขับรถมาจอดรถริมถนนแล้วต้องเดินขึ้นบันไดจึงจะเข้าร้านได้ส่วนหน้าร้านตรงระดับถนนทำเป็นหน้าต่างกระจกโชว์สินค้าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นถนนและร้านค้าแบบนี้

ที่จริงถ้าสาวน้อยไม่ปวดเข่าเราจะเดินเที่ยวทูนได้มากกว่านี้แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะถือเป็นไฮไล้ท์ของวัน

เรานั่งรถไฟblsเที่ยวหวานเย็นจอดทุกสถานี จาก ทูน กลับ เบิร์น ถึงเวลาเที่ยงเศษๆ แล้วจับรถบัสสาย ๑๒ ไป Zentrum Paul Klee ท่ามกลางสายฝน ความหนาว และความปวดเข่าของสาวน้อย เราจึงได้ไปกินอาหารเที่ยงที่นั่น แล้วกลับโรงแรม เพราะสาวน้อยปวดเข่ามากขึ้น และเธอไม่อยากชมศิลปะนัก

การได้นั่งรถเมล์ออกนอกเมืองไปZentrum Paul Klee ในวันนี้ ทำให้ผมเห็นคุณค่าของการนั่งรถเมล์ ชมเมือง ช่วยให้เรารู้ภูมิศาสตร์ และเห็นความเป็นอยู่ของผู้คน เส้นทางรถเมล์สาย ๑๒ ที่เรานั่ง แล่นข้ามแม่น้ำอาเรอ ผ่านบ่อหมี ขึ้นเขาผ่านบ้านเรือนที่สวยงาม ปลูกต้นไม้ร่มรื่นมีไม้ดอกสวยงามมาก


วิจารณ์ พานิช

๑๒ พ.ค. ๕๖



เดินหา University Botanical Garden ไม่พบ พบดอกไม้สวย จึงชักรูปไว้ ท่ามกลางฝนพรำ


ถึง Spiez ฝนตกและหนาว


หน้าสถานีรถไฟ Thun



เดินไปชมสะพานไม้ข้ามแม่น้ำอาเรอ ทำหน้าที่ประตูระบายน้ำ



ภายในตัวสะพานมีกลไกกักหรือระบายน้ำ



บรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำอาเรอ



ทางเดินเล่นริมฝั่งน้ำ มีคนพาลูกมาเดินเล่นด้วย



เดินไปทางย่านเมืองเก่า



สาวน้อยกับปลาพ่นน้ำ



ถนนที่ร้านยกพื้นสูงกว่าถนน



ประตูน้ำและสะพาน ที่สอง



ไป Zentrum Paul Klee



กินอาหารเที่ยงที่ Zentrum Paul Klee



ห้องฝึกศิลปะแก่เด็ก





หมายเลขบันทึก: 540460เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2013 09:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2017 19:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เห็นภาพ น่าจะ หนาว และ ฝน ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท