มะระตุ๋นซี่โครงหมู!!ไม่ขมสักนิด!!!ทำอย่างไร???


ตอนเด็กๆจำได้ว่าเวลาผู้หลักผู้ใหญ่ชี้ชวนให้กินมะระต้มผักกาดดองมั่ง มะระยัดไส้มั่ง จนกระทั่งมะระตุ๋นมั่ง

ข้าพเจ้าเป็นต้องเข็ดขยาดและไม่เคยแตะเลย เพราะรู้สึกกลัวที่มีใครต่อใครบอกว่า "ขม!"
อันว่ารสขมนี้ ข้าพเจ้ามานิยมชมชอบและรับประทานเมื่ออายุเท่าไหร่ก็จำไม่ได้!!!(อิอิ...)

ที่จำได้คือ คุณแม่ทำให้กินแล้วก็แปลกใจว่า เอ..ที่ใครต่อใครบอกว่าขมนั้น มันก็ไม่ขมเท่าไหร่นี่นา!!!
มาตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ชอบมากกกก ขอบอก!
พอดีคุณสามีที่น่ารักปลูกมะระจีนไว้ ซึ่งแต่ก่อนร่อนชะไร! ไม่ค่อยจะได้รับประทานเพราะแมลงกัดกินหรือไม่ก็ลูกเหี่ยวฝ่อไปมั่ง
มาปีนี้ได้เห็นหน้าค่าตาอันแสนสวยงามของลูกมะระ  เลยสนองพระเดชพระคุณท่านด้วยการตุ๋นซี่โครงหมูแล้วกัน!!
ส่วนผสมสูตรนี้สำหรับ 3 คน รับประทาน

1.มะระจีนขนาดย่อม 1 ลูก
2.ซี่โครงหมู(เลือกกระดูกอ่อนปนมาด้วย) สัก 3  ขีด (ซื้อมาสัก 1กิโลแล้วหยิบมาตุ๋นสักหน่อยที่เหลือไว้แกงพริกกระดุกอ่อนมั่ง ไรมั่ง!)
3.กระเทียมจีน 1 หัว (กระเทียมไทย 1 ช้อนโต๊ะ)
4.รากผักชี 2 - 3 ราก
5.พริกไทยดำ 10 เม็ด
6.เกลือ 1 ช้อนชา ครึ่ง (สำหรับปรุงรส)
7.เกือบลืม!เห็ดหอมแห้งดอกเล็ก  20 บาท(ประมาณ ครึ่งขีด!)

*อีก ครึ่งช้อนโต๊ะ สำหรับแช่มะระ**

7.ซี๊อิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
8.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา(ถ้าใช้น้ำตาลกรวดทุบๆ 3 ช้อนชา)

เอาล่ะ!ลงมือทำ!(แนะนำให้แช่เห็ดหอมแห้งไว้ล่วงหน้าสัก 1 - 2 ชั่วโมง)

ก่อนอื่นทั้งหมด หั่นมะระเป็นท่อนๆ แล้วใช้ปลายช้อน(ช้อนโต๊ะ) ควักไส้ทิ้งไป



จากนั้นจึงจัดการผ่าซีก ให้ได้ชิ้นพอดีคำ  เอาแช่น้ำ(ที่ละลายเกลือไว้ประมาณครึ่งช้อนโต๊ะแล้ว)

แช่มะระไว้แล้วก็มาตั้งเตา



1.ตั้งน้ำพร้อมกับใส่ใส่กระเทียมบุบ รากผักชี(พริกไทยเม็ด ค่อยใส่ทีหลัง)
2.รอจนน้ำเดือด แล้วค่อยๆหย่อนกระดูกหมูลงหม้อไปทีละชิ้นๆ จนหมด(กระดูกที่ต้มไว้ทุกขั้นตอนเราจะไม่ปิดฝาหม้อเลยนะคะ มิฉะนั้นแล้วน้ำซุปจะขุ่นไม่น่ารับประทานเลยค่ะ)
3.ลดไฟลงให้เหลือขนาดกลาง อย่าเร่งไฟแรงมากเดี๋ยวน้ำซุปจะขุ่นจ้ะที่รัก
4.พอน้ำซุปค่อยเดือด หมั่นช้อนฟองออกเรื่อยๆ จนไม่มีฟองเหลืออยู่แล้วค่อยใส่พริกไทยเม็ดลงไป
(กระดูกซี่โครงนี้ ไม่ค่อยมีฟองหรือสิ่งสกปรกมากนัก เว้นแต่ว่าเราจะซื้อซี่โครงเพื่อทำน้ำซุปมาต่างหาก)
5.ระหว่างรอให้น้ำซุปใส ก็หันมาล้างมะระ ซาวๆเบาๆไม่ถึงกับขยำ ล้างน้ำทิ้งอีก 2 -3 ครั้ง
เพื่อล้างความเค็ม ความขม จากนั้น สรงขึ้นพักไว้
6.จัดการเห็ดหอม ถ้าชอบกินก้านเห็ดก็ไม่ต้องหั่นทิ้ง


ถ้าอยากเป็นผู้ดี มีชาติตระกูลก็หั่นโคนทิ้งไป แล้วจักที่หมวกเห็ดให้เป็นกากบาทดูสวยงามค่ะคุณผู้ชมขา
(แต่ขอบอกว่าโคนที่หั่นทิ้งไป อย่าทิ้ง!เอาเก็บไว้ตากแห้ง แล้วนำมาใช้เป็นเมนูเจได้! )


7.เอาล่ะ!ใส่เห็ดหอมลงไปค่ะ น้ำแช่เห็ดหอมก็ค่อยๆเทใส่ลงไปด้วย! ค่อยๆริน เอาเฉพาะด้านบนที่เป็นน้ำใสๆ
เศษตะกอนอย่าให้หล่นล่วงไปค่ะ
8.รอสักประเดี๋ยวใจ(2-3นาที) ก็ปรุงรสค่ะ ค่อยๆเติมเกลือลงไป 1 ช่อนชาก่อน ตามด้วยซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายสักครึ่งช้อนชาก่อนค่ะ
9.ชิมรสดูว่าถ้าอ่อนเค็ม อ่อนหวาน ให้เติมเกลือกับซีอิ๊วขาวอีกอย่างละนิด เหยาะน้ำตาลทรายอีกนิด!




10.สุดท้ายรอจนน้ำซุปเดือดพล่านๆรสชาติถูกปากแล้ว หย่อนมะระที่หั่นไว้แล้วลงไป
ขั้นตอนจัดการทำด้วยความรีบนิดนึงอย่าชักช้าร่ำไรอยู่! เดี๋ยวมันจะขมแล้วมาโทษกันไม่ได้นะเอ้า!




11.ปิดฝาปุ๊บ!เลยค่ะคุณผู้ชม ปิดให้สนิท พร้อมกับลดไฟลงให้เหลือแค่เบาสุด ตุ๋นทิ้งไว้ 5-10 นาที!

12.ปิดไฟ ยกลงจากเตา ค่อยๆเปิดฝาหม้อ สูดความหอมเข้าไปก่อน แล้วค่อยๆบรรจงตักใส่ถ้วย
เสิร์ฟร้อนๆโรยหน้าด้วยคึ่นฉ่ายก็เข้าทีค่ะ (ไม่มีก็แล้วไป!)

เดี๋ยวนี้ร้านอาหารที่ตุ๋นมะระขายนั้น รสชาติบางร้านอร่อยมาก น้ำซุปใสแจ๋ว ไม่ขมเลย
ตอนหลังมาเล่าให้ป้าฟังปรากฏว่า เขาทำน้ำซุปแยกไว้ต่างหากค่ะ! แล้วค่อยใส่มะระ เพราะบางทีรับประทานแล้วน้ำซุปไม่ขมแต่เนื้อมะระขมอยู่ก็มี

ข้าพเจ้าทำมะระตุ๋นนี้ยังสู้คุณแม่ไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าข้าพเจ้าทำก็ยังขมนิดๆ!! แต่ของคุณแม่นั้น แทบไม่หลงเหลือความขมเลย
ทั้งที่ก็ทำเหมือนกันทุกอย่างนี่แหละ!
แม่ก็ไม่ได้กั๊กสูตรไว้เลย
คุณผู้ชมลองทำดูนะคะ

ทำง่ายมาก เคล็ดลับคือห้ามเปิดฝาหม้อเด็ดขาดจนกว่ามะระจะสุกนะคะ!


รีบไปทำงานก่อนค่ะ ค่อยกลับมารับประทานตอนเที่ยง!อิอิ(แล้วจะถ่ายรูปมาฝากให้ดูหน้าตานะคะ!)


หมายเลขบันทึก: 540358เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2013 10:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน 2013 19:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชอบเมนูนี้มากค่ะ

ขอบคุณเคล็ดลับด้วยนะจ๊ะ

กระเทียมไม่ต้องไปผัดหรืออะไรเลยหรือ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ กำลังหาวิธีต้มมะระไม่ให้ขมอยู่พอดี วันนี้จะทำให้คุณสามีทานมั่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท