nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

จากหนัง Now You See Me กับ “แก่นสาร” ที่ได้รับจากการดูหนัง


        

        เพิ่งไปดูหนังเรื่อง Now You See Me โดยบังเอิญ เพราะเรื่องที่จะไปดูไม่ทันรอบ

        Now You See Me  เป็นหนังแนวสืบสวน  พระเอก (แหงละต้องเอฟบีไอ) ตามแกะรอยก๊วนนักมายากล ๔ คนที่แสดงโชว์การปล้นธนาคารกันสดๆ เอาเงินมาแจกคนดูกันจะๆ  (อยากเข้าไปนั่งดูด้วยจัง)  

        นางเอกก็เป็นผู้ช่วยนักสืบที่ดูจะฉลาดปราดเปรื่องกว่าพระเอก  ซึ่งพระเอกก็ต้องรู้สึกขัดอกขัดใจ  กุ๊กกิ๊กๆ กันพอให้น่ารักน่าลุ้นว่าเมื่อไหร่จะเข้าที่เข้าทาง

         มาแนวนี้ก็ต้องให้คนดูช่วยกันลุ้นให้พระเอกแกะรอยหาตัวผู้ร้ายเจอ  หนังต้องหลอกล่อให้คนดูคาดเดาในใจว่าน่าจะเป็นคนนั้นคนนี้  แล้วเฉลยตอนท้าย  ยิ่งมุ่งหวังให้คนดูทายผิดหงายหลังตกเก้าอี้ได้เท่าไหร่ถือว่า คนเขียนบท ผู้กำกับประสบความสำเร็จได้เท่านั้น  มันสนุกตรงต้องคิดตามกลลวงที่ล่อหลอกเรานี่ละ  แต่เพราะความประสงค์ดีที่ผู้กำกับต้องการให้เราหงายหลังตกเก้าอี้จึงทำให้เรื่องมันพิลึกพิลั่นจนเหนือจริง

          ดูสนุก เพลิดเพลิน  ออกจากโรงมาก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ  

          ฉันให้นิยามหนังเรื่องนี้ว่า การแก้แค้นที่เหลือเชื่อ” 

 

 กลับมาที่ชื่อบันทึก

         ฉันชอบดูหนัง  หนังเป็นทั้งอาหารใจ อาหารสมอง  หนังรวบรวมศิลปะแขนงต่างๆ มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว  การเล่าเรื่องด้วยภาพอย่างมีศิลปะ  บทที่ลงตัวสื่อสารเรื่องราวได้พอเหมาะพอเจาะ  การแสดงที่เป็นธรรมชาติชวนให้เชื่อได้สนิทใจ ฯลฯ  หนังจึงเป็นผลผลิตสุดท้ายของความคิดสร้างสรรค์

        จากประสบการณ์ยาวนานของการดูหนัง ฉันได้รับ “แก่นสารดีๆ จากหนัง” เป็นกำไรนอกเหนือจากความบันเทิง    แต่หลังๆ มานี่  หนังดูสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ด้วยเทคโนโลยีที่สมัยก่อนทำไม่ได้  แต่สิ่งที่หายไปคือ “แก่นสารดีๆ ” ที่ให้แก่คนดู

          คนโบราณเคยพูดไว้ว่า  “ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว”  เพราะหนังละครนั้นเป็นสื่อการสอนชั้นดีที่คนถูกสอน ไม่รู้ตัว

         หนังซุปเปอร์ฮีโร่ เช่น ซุปเปอร์แมน แบทแมน สไปเดอร์แมน ฯลฯ  บอกเราว่า  “ธรรมะย่อมชนะอธรรม” ไม่ว่าผู้ร้ายจะเก่งแค่ไหน คุณก็แพ้พระเอกที่อยู่ฝ่ายปกป้องความดีเสมอ

          

         หนังในดวงใจของฉันตลอดกาลอย่าง Groundhog Day สอนว่า  “คุณเปลี่ยนตัวเองสิ แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยน”  หนัง Pay It Forward  สอนเราว่า  “คุณทำความดีสิ แล้วห่วงโซ่ความดีจะวนกลับมาหาคุณแน่นอน”


นันทขว้าง สิรสุนทร นักเขียน นักวิจารณ์ภาพยนตร์          

        

         ขณะเขียนบันทึกนี้ค้างอยู่  อ่านบทความของคุณนันทขว้าง สิรสุนทร นักวิจารณ์ภาพยนตร์  ในเนชั่นสุดสัปดาห์  (๑๔ มิ.ย. ๒๕๕๖) “คุณชายอดัม” (มรว.เฉลิมชาตรี ยุคล)  ลูกชายท่านมุ้ย มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล (ผู้กำกับที่ฉันชอบอีกคน)  เล่าว่า  ตอนเป็นเด็กเรียนแค่ชั้น ป.๑ รับโทรศัพท์ที่โทร.มาหาท่านมุ้ยในช่วงเวลาที่หนังเรื่อง “เสียดาย” ที่ท่านมุ้ยกำกับเข้าฉาย  ปลายสายฝากข้อความถึงท่านมุ้ยไว้ว่า “ผมเลิกยาแล้วครับเพราะดูหนังของท่านมุ้ย” 

        คุณชายอดัมบอกว่า  “ผมรู้สึกได้ว่าภาพยนตร์มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้  มันมีพลังมากในการสร้างความเชื่อให้กับคน” ประโยคนั้นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณชายอดัมเริ่มศึกษาเรื่องการทำหนังอย่างจริงจัง

       หน้าที่ของหนัง ๒ ใน ๔ ข้อ คือ เล่าเรื่อง (Narrative) กับ จูงใจ (Motivation)  หนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต้องเล่าเรื่องอยู่แล้ว  แต่การจูงใจนี่น่ากลัว เพราะหนังสามารถจูงใจไปในทางลบก็ได้ทางบวกก็ได้

       หนัง(ละคร)ที่เรานั่งดูอยู่กับบ้านกันทุกคืน  น่าห่วงมากขึ้นทุกวันเพราะเนื้อหาและการนำเสนอมักจูงใจทางลบ

        สำหรับคนรักหนังอย่างฉัน คงจะดูหนังไปเรื่อยๆ ไม่ว่าหนังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร  และยังยึดมั่นว่าหนังดีต้องเป็นหนังที่ดูสนุกและมีแก่นสารด้วย ไม่เพียงแต่ดูสนุกอย่างเดียว.

                                                                                                                  ศุกร์ ๑๔ – เสาร์ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖


<p></p>

หมายเลขบันทึก: 540265เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2013 10:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2014 15:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ผมไม่ได้ชอบดูหนัง และไม้ค่อบชอบเลือกหนังดูเพราะเลือกดูทีไรก็เสียดายตังค์ทุกที สู้ไปดูเรื่องที่เพื่อนชวนไปดูไม่ได้ ดีกว่าเยอะ สำหรับเรื่อง now you see me ผมดูแล้ว ได้ข้อคิดมาอย่างหนึ่งที่สอดคล้องกับแนวคิดหนังจีนที่ว่า การแก้แค้น สิบปีก็ไม่สาย และที่สำคัญ ผมได้รู้เบื้องหน้า เบื้องหลังของมายากลเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าดูแล้วผ่านเลยไปครับ 

คุณ nobita คะ อยากให้ได้ดูหนังดีๆ นะคะ  แล้วจะรักหนังค่ะ

ได้ชมเหมือนกันครับ หักมุมคาดไม่ถึงว่านักสืบชายจะเป็น...อุ๊ฟ...เดี๋ยวคนอื่นมาอ่านแล้วได้ไปดูจะไม่สนุก

ดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดถึงหนังสือนิยายสืบสวนเรื่อง The Twelfth Card:by Jeffery Deaver มีการใช้หลักมายา ในการก่อเหตุ สนุกมากกก อยากแนะนำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท