เมืี่อวานข้าพเจ้าได้ฟังธรรมะจากคลื่นสังฆทาน ..หลวงพ่อสนอง กตปุณโญ ออกอากาศทางคลื่นอุบล FM95.5..ฟังน้ำเสียงท่านเป็นห่วงพวกเรามาก ท่านบอกว่า ที่สุดของการปฏิบัติอยู่ที่วิปัสสนา อันแปลว่าถอนรากถอนโคนกิเลส ถึงแม้จิตเราจะสงบตอนเดินจงกรมนั่งสมาธิ จนมีพระรับรองว่าได้อภิญญา ได้ฌาน ได้อนาคามี..ขณะนั้นจิตบริสุทธิ์แจ่มใส สงบนิ่ง แต่หากออกมานอกห้องปฏิบัติแล้ว หากเรายังหลง ยังติด ยังข้องอยู่ เราก้อยังชื่อว่าเป็นปุถุชน ฉะนั้นเราต้องดูตัวเองให้ออก ว่ายังข้อง ยังหลงยังติดอยู่เรื่องใด โลภ โกรธ หลง ราคะ แล้วเราต้องเสริมวิปัสนา ทุกคนที่ปรารถนาที่จะถอนรากถอนโคนกิเลส ต้องเจริญวิปัสนาเพื่อรู้เท่าทันจิตของตนตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเท่านั้น ต้องกำหนดรู้ทุกอิริยาบถ กินหนอ เคี้ยวหนอเดินหนอ นอนหนอ โกรธหนอ ไม่พอใจหนอ ง่วงหนอ ฟุ้งซ่านหนอ ฯลฯกำหนดตามจริง ซึ่งจากที่ฟังพจ.ใหญ่สมภพ โชติปัญโญ ท่านก็บอกประจำว่าให่ฮู้เมื่อคีง(รู้สึกตัวเด้อ) ฮู้เมื่ิอควม(รู้สึกตัวเมื่อพูด) ฮู้เมื่ิอใจ ,ฮุเมื่ออารมณ์,ฮู้เมื่อฮู้ แต่ก่อนที่ข้าพเจ้ากำหนดไม่ได้เพราะกำหนดไม่เป็น และไม่เคยกำหนด..ไม่รู้จักว่ากำหนดอย่างไรข้าพเจ้าจึงต้องลงทุนไปเรียนไปศึกษาวิธีการเจริญวิปัสนาจากวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรีเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ขั้นสูงขึ้น จิตจะได้ไม่ทุกข์ จะได้เข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก่อนนั่งสมาธิ จิตไม่สงบ ฟุ้งซ่าน ข้าพเจ้าก้อทุกข์ อยากสงบแต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเรามีหน้าที่ดูรู้ตามจริง ไม่สามารถบังคับจิตได้ ว่า อ้อ ตอนนี้กะลังนั่งหนอ หายใจเข้ายาวก้อรู้ สั้นก้อรู้ ฟุ้งซ่านก้อรู้ว่ากำลังฟุ้งหนอ คิดหนอๆหายใจลึกๆ เอาสติปักไปที่ลิ้นปี่ กำหนดรู้ รู้หนอๆๆ พระอาจารย์ที่สอน ตอนอยู่วัดอัมพวัน ท่านก้อแนะนำให้ข้าพเจ้า มาแนะนำการกำหนดรู้นี้แก่คุณพ่อคุณแม่ที่เจริญสมาธิพุทโธ ให้ท่านมีสติทุกอิริยาบถ ท่านจะได้มีสติเร็วขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้น ซึ่งหากพวกเราเองก้อสามารถน้อมนำทำตามได้เช่นกัน .. ผู้ใดตามรักษาจิต ไม่นานคงพ้นบ่วงแห่งมาร..สาธุๆๆ
ชอบการปฏิบัติธรรมครับ