.
.
การศึกษาหนึ่ง ทำโดยการตรวจหลอดเลือดแดงที่คอ กลุ่มตัวอย่างในเมืองใหญ่ 6 แห่ง รวมกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 5,000 คน
.
.
ภาพที่ 1: เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยทางเดินหายใจ หน่วยไมครอน = 1/1,000 มิลลิเมตร, ฝุ่นจากการเผาไร่นา-เผาป่า, เผาขยะ-ใบไม้, เครื่องยนต์ดีเซล ส่วนใหญ่จะเล็กกว่า 10 ไมครอน
.
ฝุ่นละอองขนาดต่ำกว่า 10 ไมครอน = PM10 (particulate matter 10 micron) เ้ข้าไปในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือการอักเสบได้ เช่น คออักเสบ เจ็บคอ, จมูกอักเสบ หายใจลำบาก ฯลฯ
.
ฝุ่นละอองขนาดต่ำกว่า 2.5 ไมครอน = PM2.5 เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างได้ เพิ่มเสี่ยงโรคถุงลมโป่งพอง หอบหืด คล้ายกับการสูบบุหรี่
.
.
ภาพที่ 2: เปรียบเทียบขนาด (1 ไมครอน = 1/1,000 มิลลิเมตร)
- ทรายชายหาดเม็ดเล็ก = 90 ไมครอน
- เส้นผม = 70 ไมครอน
- หมอกควันขนาดใหญ่ = PM10 = 1/7 เส้นผม
- หมอกควันขนาดเล็ก = PM2.5 = 1/28 เส้นผม
.
ภาพที่ 3: ขนาดทางเดินหายใจส่วนบน = 10 ไมครอน (1 ไมครอน = 1/1,000 มิลลิเมตร), ขนาดทางเดินหายใจสวนล่างเฉลี่ย = 2.5 ไมครอน
.
ฝุ่นที่ทำลายปอดได้มากแม้จะมีขนาดใหญ่ คือ ฝุ่นทราย เช่น ฝุ่นจากโรงโม่หิน ฝุ่นถนนไม่ราดยาง ฯลฯ
.
ฝุ่นที่มีขนาดเล็ก หรือหมอกควัน-ควันไฟ จะเ้ข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างได้มาก เพิ่มเสี่ยงถุงลมโป่งพอง หอบหืด ทำให้เลือดหนืดขึ้น การไหลเวียนช้าลง เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจได้
.
.
.
ภาพที่ 4,5: เขตร้อนเสี่ยงหมอกควันมากกว่าเขตอบอุ่นหรือหนาว
.
จีน-อินเดีย มีหมอกควันจากการเผาไหม้ถ่านหิน-เครื่องยนต์สูง, ชายแดนพม่า-ไทยมีหมอกควันจากการเผาไร่นาสูง, อินโดนีเซียมีอัตราการสูบบุหรี่สูง เพิ่มเสี่ยงโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งค่ารักษาแพงมาก
ผลการศึกษาพบว่า อากาศเสียเพิ่มเสี่ยงโอกาสเกิดคราบไขเกาะบนหลอดเลือดแดง (artery plaque)
.
ความเสี่ยงของการเกิดคราบไขแปรตามระดับอากาศเสีย... ยิ่งมากยิ่งเสี่ยง
.
คราบไขทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ ตีบลง และเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตัน เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ
.
ก่อนหน้านี้ 10 ปี, สมาคมโรคหัวใจอเมริกา (AHA) พบว่า อากาศเสียเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (heart attacks), เพิ่มเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หลอดเลือดแดงหดตัว ผนังหลอดเลือดแดงอักเสบ และคราบไขที่ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวเร็วขึ้น
.
.
ทั้งหมดนี้เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ
.
การศึกษาในปี 2553 ทำในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงหมดประจำเดือน 383 คนพบว่า คนที่อยู่ในเมืองที่มีระดับอากาศเสียมากที่สุด เพิ่มเสี่ยงมะเร็งเต้านมเป็น 2 เท่า (เทียบกับเมืองที่มีอากาศเสียน้อยที่สุด)
.
การไม่สูบบุหรี่ ไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่มีอากาศเสีย เช่น บ้านที่เผาขยะ-ใบไม้, เผาฟืน, เผาไร่นา-เผาป่า ฯลฯ ช่วยป้องกันโรคได้มาก
.
การใช้หน้ากากกรองหมอกควัน หรือเครื่องปรับอากาศที่ช่วยลดฝุ่นละออง ฯลฯ น่าจะลดเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
.
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
> [ Twitter ]
- ขอขอบพระคุณ / Thank Dr.Gabe Mirkin's Sources > PLoS Medicine, April 2013; Circulation, 2004;109:2655-2671; Environ Health Perspect, Nov 2010;118(11):1578-1583.
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์. 21 พฤษภาคม 56. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต... ขอบคุณครับ > CC: BY-NC-ND.
- ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง จำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้