จดหมายถึงครู l วันทบทวน


จดหมายถึงครู l วันทบทวน

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กราบสวัสดีค่ะครู

  วันนี้เป็นวันเดินทาง เป็นวันที่หนู ให้เวลากับตนเองได้ทบทวนเรื่องราว แล้วก็เขียนออกมาเป็นบันทึก เขียนเพื่อกรองตะกอนที่อยู่ข้างในใจมากกว่าเขียนเพื่อสิ่งอื่นใดเจ้าค่ะครู เขียนจนสุดท้ายถามตนเองว่า “ยังมีเหลืออีกไหม”

แล้วก็เหมือนคำตอบกับตนเองว่า “ไม่มีแล้ว”

หันมองย้อนก็คล้าย ๆ เขียนเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ย้ำกับตนเอง เพื่อหาทางแก้ไข

เขียนออกมาก็รู้สึกเบาข้างในเจ้าค่ะ เหมือนได้กรองตะกอนอย่างที่ครูเมตตาสอนและบ่มเพาะ

ถามตนเองซ้ำ “วันนี้บ้าเขียนบันทึกรึเปล่า”

รวม ๆ หลายบันทึกขนาดนี้ ก็คง ใช่แล้วเจ้าค่ะครู”

เห็นอะไรกับตนเองวันนี้ การเขียนแบบนี้ทำให้ข้างในเบาเจ้าค่ะครู

เรื่องน้องจัดการกับตนเองได้บ้าง ระลึกถึงก็เป็นไร้น้ำหนัก

บอกไม่ถูก หนูเชื่อว่า เดี๋ยวเขาก็กลับมา

อันนี้เป็นอุปาททานของหนูเอง

แต่ครั้งนี้ต้องขอบคุณที่ให้ได้เรียนรู้เรื่องราวเจ้าค่ะ

จิตที่เคลื่อนไปของหนู เริ่มจากการสั่นสะเทือน เพราะไปเหมือนตัวชั่วในจิตตนเอง

เกิดการผลักไส ไม่อยากยอมรับ ไม่อยากยุ่ง

แต่ด้วยความเมตตาของครูทำให้ได้ร่วมเรียนรู้

จากที่เคยหนักก็เหมือน พอได้เห็น เริ่มเป็นความเข้าใจ เห็นใจ และสงสาร

ทยอยเขียนตะกอน ออกมาสอนตนเอง ก็ทำให้ “ใจเบา”

แต่ก็ไม่ใช่การทอดทิ้ง เป็นเหมือนพร้อมแบบไม่ตกค้างหนูอธิบายได้ไม่แจ่มชัดนักเจ้าค่ะ

ไม่ค่อยคุ้นกับความรู้สึกแบบนี้ เหมือนเป็นความรู้สึกใหม่ที่หนูเองก็ไม่เคยเห็น

เป็นการระลึกถึง เรื่องราวและร่องรอย แต่ใจไม่ได้มีน้ำหนัก หรือ น้ำหนักอาจจะถูกปล่อยออกไปกับบันทึกก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ

สิ่งที่น้องเป็นทำให้หนูเริ่มถามตนเองย้ำ เรื่องทรงผม

จะเอายังไง ครูเมตตาให้ทางเลือก

หากถามว่าเบาสบายไหม กับจุดยืนของการไม่มีผม

รู้สึกสะดวกในการดูแลกับตนเอง เข้าใจคำว่า “ปลดภาระเจ้าค่ะ”

แต่สิ่งที่ต้องถามซ้ำ ๆ กับตนเองว่า “หนูหลงไปไหม เป็นการก้าวกระโดดไปรึเปล่า”

ก็ยังไม่คลิ๊กกับคำตอบในตนเองเจ้าค่ะ

วันนี้ตอนอยู่สนามบิน

เห็นผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงสีแดง แต่งหน้าเข้ม กระโปรงสั้น เปรี้ยวปรี๊ด

มากับคนแก่ที่ใจหนูเดาว่าน่าจะพ่อแม่ ที่แต่งตัวแบบชาวบ้าน

ก็นึกถึงตนเองสมัยก่อน ที่รุงรังไปด้วยภาระของการแต่งตัว

พอปลดออกแล้วก็เบากับตนเองเจ้าค่ะ

หากไม่ได้ครู หนูคงปลดออกไม่เป็นแน่ ๆ

รองเท้าสูง ๆ ใจตอนนั้นหนูคิดอะไรนะ

 คิดว่าใส่แล้ว สง่า เดินเหินเหมือนนางพญา เหมือนนางแบบ จะเจ็บเท้า จะเมื่อน่องก็ยอม

เพราะทุกครั้งที่ยืนบนรองเท้าส้นสูง

เกิดความคิดว่า “ฉันสวย ฉันดูดี”

เป็นอุปาทานที่เมื่อยมาก ทรมารมาก เจ้าค่ะ

แต่ด้วยความอยากสวยของผู้หญิง อยากได้รับการยอมรับ

อยากดึงดูดเพศตรงข้าม

เท่านี้หนอมนุษย์

สรุปแบบภาษาชาวบ้าน ก็ อาการอยากมีผัว นี่เอง

อันนี้กล่าวถึงตนเองในสมัยนั้น หาได้พาดพิงที่ผู้ใดเจ้าค่ะ

นึกถึงแล้วก็ขอบพระคุณครู ที่พาปลดแอก ปลดภาระ ภายนอกแบบสิ้นซาก

ที่ยังเหลือก็คือ ภายในใจ ที่หนูต้องเพียรกับตนเอง ให้ได้ ในเส้นทางนี้

เห็นคนอื่นเลยได้ย้อนดูตนเองชัดได้อีกเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณน้องคนนั้นจริง ๆ

เป็นโอกาสที่หนู ตั้งต้นกับข้อปฏิบัติในตนเองใหม่

ด้วยใจปรารถนาการขัดเกลาเจ้าค่ะสาธุ


หมายเลขบันทึก: 536692เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2013 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2013 23:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท