หลักสำคัญในการทำงานบริการวิชาการของผมคือ ต้องทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ตัวเป้าหมายขึ้นให้ได้ กิจกรรมสำคัญที่เราทำเพื่อการนี้คือ การพาชาวบ้านแสนสุขไปศึกษาดูงานไปศึกษาดูงานที่ลพบุรี กับ อ.เชาว์วัช หนูทอง แห่งเครือข่ายกะสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี นำโดยลุงเด่น คนเดิม และนอกจากชาวบ้านแสนสุขแล้ว ยังมี ดร.อรอุมา แก้วกล้า นักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญเรื่องจุลินทรีย์ และนิสิต ร่วมทางไปด้วย
ดูภาพทั้งหมดได้ที่นี่
การเดินทางไปคราวนี้ ทำให้ผมรู้จักสันติอโศกมากขึ้น ผมคิดแนวทางเกษตรอินทรีย์ หรือปุ๋ยสะอาด จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการฟื้นฟูประเทศของเราต่อไปในอนาคต
อ.เชาว์วัช หนูทอง เคยเป็นครูสอนในวิทยาลัยทางวิชาชีพมาก่อน หลังจากหันมาศึกษาเรื่องโรงสีข้าวอย่างจริงจัง ท่านเกิดความเชี่ยวชาญจนสามารถสร้างโรงสีข้าวด้วยตนเองโดยใช้เพียงวัสดุมือสองนำมาประกอบกัน และด้วยคุณสมบัติของนักเรียนรู้ ท่านเริ่มศึกษาการทำนาอินทรีย์ด้วยวิธีต่างๆ โดยเฉพาะการทำนาแบบโยนกล้า จนปัจจุบันกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดูการบรรยายของท่านได้ที่นี่ และด้วยความเชี่ยวชาญด้านช่าง ท่านประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์หลายอย่าง เช่น เครืองหยอดเมล็ดข้าวลงถาด เครือหีบน้ำมันรำข้าว เครื่องผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ฯลฯ ซึ่งมีให้เห็นอยู่ทั่วไปในโรงงานของท่าน
ผมมีเหตุต้องเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางกลับมาก่อน เนื่องจากมีกิจกรรมสำคัญ (เป็นไปตามที่คิดว่า เมื่อทำงานบริหารแล้ว ทักษะการจัดการเวลานั้นสำคัญ ซึ่งผมคงต้องฝึกอีกเยอะ) ผมฝาก ดร.อรอุมา ร่วมกับลุงเด่น พาคณะไปร่วมงานมหกรรมพันธุ์ข้าวที่ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวลพบุรีจัดขึ้น น่าเสียดายมากสำหรับผม ยิ่งตอนที่ชาวบ้านแสนสุขกลับมาเล่าให้ฟังว่า ได้อะไรบ้าง ยิ่งทำให้เสียดายเอามากๆ
ในบริเวณโรงงานของท่าน ต้องบอกว่าครบวงจร ตั้งแต่ผลิตจนขายเป็นผลิตภัณฑ์
เพื่อนเคยพูดให้ฟังว่ามีข้าวOrganic ขายกิโลกรัมละ 500 บาทพิเศษมากเพราะมีการไถหว่านเก็บเกี่ยวโดยวัวควาย ไม่ใช้เครื่องจักร ฟังแล้วไม่ปลื้มใจอะไรเลย กลับรู้สึกหดหู่ใจ ...คนที่มีช่องทางก็หวังร่ำรวยอย่างเดียว...ทุกวันนี้ในวงการแพทย์ต่างประเทศศึกษาพบว่าข้าวขาวกินแล้วอันตรายมากๆ เป็นที่มาแห่งโรคภัยไข้เจ็บหลายโรค ทำอย่างไร?คนไทยจึงจะกินข้าวไม่มากในแต่วัน จนนำไปสู่โรคต่างๆ...ตอนนี้ต้องช่วยกันปลูกผัก และผลไม้ด้วยก็น่าจะดีนะคะ อาหารเสริมที่ราคาแพงๆก็สู้ไม่ได้ค่ะ
อยากไปกับอาจารย์ด้วยจังเพราะทำเกี่ยวกับการทำนาแบบอินทรีย์อยู่คะ ถ้าไปอีกบอกด้วยนะคะ