ลักษณะสำคัญของ"สมมุติฐานการวิจัย" ประการที่สองคือ "สมมุติฐานการวิจัยจะต้องเป็นข้อความที่สามารถทดสอบได้" เช่น
Research Problem : อะไรทำให้คนเป็นบ้า ?
Hypothesis : H1 : ผีเข้าไปอยู่ในตัวคนทำให้คนเป็นบ้า
H2 : X และ Y ทำให้คนเป็นบ้า
H3 : ID และ EGO ขัดแย้งกัน ทำให้คนเป็นบ้า
H1 "ผี" เป็นตัวแปรอิสระ หรือ Independent Variable : IV ตัวแปรตามคือ "พฤติกรรมบ้า" (Dependent Variable : DV) H1 กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง IV - DV แต่ เราสังเกต "ผี" ไม่ได้ จึงไม่เข้ากับขั้นตอนที่ 1 ของ Scientific Processes คือ "การสังเกต และเกิดปัญหา" ดังนั้น "ผี" จึงอยู่นอกขอบเขตของ Scientifict Processes นั่นก็คือ อยู่นอกขอบเขตของวิทยาศาสตร์ จึงทดสอบ (Test) ไม่ได้ว่า H1 เป็น True หรือ False และดังนั้นจึงไม่ถือเป็น Research Hypothesis
H2 X , Y เป็น IV สัมพันธ์กับ "พฤติกรรมบ้า" แต่ X และ Y ไม่มีความหมายในโลกจริง จึงทดสอบความ จริง/เท็จไม่ได้ จึงไม่ถือเป็น Research Hypothesis
H3 ID, EGO, เป็น IV และสัมพันธ์กับ "พฤติกรรมบ้า" (DV) ถ้าเราสังเกต ID,EGO, ไม่ได้ H3 ก็อยู่นอกขอบเขตของ Science เช่นกัน แต่ Freud ก็ได้ให้คำ "นิยาม" ของ ID,EGO ไว้ และมีความหมายตามโลกจริงที่ "มีความเป็นไปได้" ที่จะสังเกต อย่างน้อยโดยอ้อม ดังนั้น H3 จึง Test ได้ และดังนั้นจึงเป็น Research Hypothesis
เรื่องนี้ก็สำคัญ จึงบันทึกไว้เพื่อคนรุ่นหลัง