ตัวเมืองในปัจจุบันเดิมเป็นทุ่งนา แต่เมื่อมีคนเข้ามาอยู่อาศัยก็มีการปรับปรุงพื้นที่ สร้างสถานที่ราชการและบ้านเรือนประชาชน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พื้นที่ที่คนอยู่อาศัยหนาแน่น คือ บริเวณถนนปรมินทรมรรคาเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำท่าตะเภา ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมของคนในอดีต บริเวณนั้นยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ เช่น ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอเมืองบ้านเจ้าเมืองชุมพร และเรือนจำ เป็นต้น เป็นที่ตั้งของวัดสำคัญที่อยู่คู่กับเมืองชุมพร คือ วัดชุมพรรังสรรค์ และวัดสุบรรณนิมิต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ.๒๔๘๔ ทหารญี่ปุ่นได้ขึ้นบกที่จังหวัดชุมพรและต้องการใช้ชุมพรเป็นทางผ่านไปยังพม่า ในช่วงเวลานั้นพื้นที่บ้านท่าตะเภาบางส่วนได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดทางอากาศ อย่างที่วัดชุมพรรังสรรค์ซึ่งอยู่ติดกับทางรถไฟในช่วงที่จะข้ามแม่น้ำท่าตะเภาได้รับความเสียหายเป็นอันมาก ตัวเมืองท่าตะเภายังต้องประสบกับภัยทางธรรมชาติ คือ วาตภัยและอุทกภัยบ่อยครั้ง อย่างเช่นพายุที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๗๒ และพายุใต้ฝุ่นเกย์ในปี พ.ศ.๒๕๓๒
จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าตัวเมืองชุมพร หรือ “บ้านท่าตะเภา” เป็นย่านเมืองเก่าที่อยู่คู่กับชาวชุมพรมานาน ยังคงมีวัดและบ้านเรือนเก่าๆ เหลือออยู่ให้เห็นในปัจจุบัน ชาวชุมพรจึงควรช่วยกันอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ให้ยังคงอยู่ต่อไป
|
ที่มาของข้อมูล
วิสันธนี โพธิสุนทร. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร. กรุงเทพ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๔๒.
ในที่สุดเดือนที่แล้วก็ได้ไปแวะพิพิธภัณฑ์ชุมพรมาแล้วค่ะ เสียดายไม่ได้เข้าไปในห้องสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดีลูกกลัวชุดทหารญี่ปุ่นค่ะ :)