subah
รุ่งฤดี รุ่งฤดี หลังยาหน่าย

เรื่องที่อยากเล่า



  มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาทำงานมาเกือบ20ปี มีทั้งเรื่องราวที่สนุกสนาน น่าจดจำ บางครั้งสะเทือนใจพวกเราจนมีบางครั้งต้องแอบเอามือปาดน้ำตาไม่ให้ใครเห็นก็มี
 
  ในที่ทำงานในแต่ละวันพวกเราจะเจอเรื่องราวที่ดูเหมือนว่าซ้ำๆเดิมๆ ดูเหมือนน่าเบื่อ ถ้าเราคิดแบบนั้นนะ แต่ตรงกันข้ามถ้าเราคิดว่าแต่ละเรื่องที่เราพบนั้นมันมีจุดแตกต่างกันเสมอเราก็จะสนุกกับการที่ต้องเผชิญกับมัน สนุกที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น
 
   หลายคนต้องเปลี่ยนที่ทำงานบ่อย ทำงานที่ไหนก็รู้สึกว่าไม่เหมาะกับเรา เพื่อนร่วมงานก็เข้ากับเราไม่ได้ ผู้รับบริการก็น่าเบื่อ งานก็หนัก สิ่งเหล่านี้ถ้าเราดูให้ดีมันเป็นปัจจัยภายนอกทั้งนั้นที่ทำให้เราคิดว่าเราไม่เหมาะกับงานนี้ ในความเป็นจริงถ้าเราปรับตัวเองให้เข้ากับทุกสิ่งอย่างรอบข้างเราเราก็จะทำงานทุกอย่างได้ดีและมีความสุขได้
 
  พูดง่ายนะ  ปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งรอบข้างแล้วทำไมคนรอบข้างไม่คิดบ้างล่ะว่าควรปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานบ้าง ก็ถ้าเรายอมรับว่าคนเรามีความแตกต่างกัน มีพื้นฐานความรู้ความคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่สามารถ ทำงานร่วมกันได้ แล้วทำไมเราถึงไม่ยอมปรับ เราต้องการให้คนอื่นปรับเข้าหาเราฝ่ายเดียวปัญหามันจึงเกิด

  ทุกหน่วยงานมีความสำคัญ ใครอยู่ที่ไหนก็คิดว่าที่นั่นดีกว่าที่อื่นแล้วล่ะ เราจึงไม่คิดที่จะย้ายหน่วยงาน เรามาทำให้หน่วยงานเราเป็นที่ที่เราทำงานแล้วมีความสุขกันดีกว่า

   ทุกวันนี้ งานที่เราทำต้องยอมรับว่าหนักขึ้น โรงพยาบาลเราเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเราเป็นหอผู้ป่วยที่ต้องรับผู้ป่วยหนัก มีโรคที่ซับซ้อน ต้องการการดูแลที่แตกต่าง ใช้เครื่องมือแพทย์และ อุปกรณ์ที่ราคาแพง ผู้รับบริการที่เข้ามามีหลากหลาย ตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงบุคคลสำคัญต่างๆ คนดีที่สังคมยกย่อง คนที่มีอุปการคุณกับทางโรงพยาบาล แต่สำหรับพวกเรา บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใครแต่เราจะดูแลทุกคนด้วยมาตรฐานเดียวกันที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
 
  นอกจากนี้ปัจจัยอีกอย่างที่เราจะทำงานอย่างมีความสุขได้ คือความพร้อมของเครื่องมือแพทย์. หลายครั้งเรารู้สึกว่า งานของเราจะง่ายมากขึ้นถ้าเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พอใช้. ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปทั้งโรงพยาบาล เราควรมีอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นเอาไว้ประจำที่หอผู้ป่วยไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงมันก็มี แต่ต้องยอมรับว่าไม่เพียงพอ
 
  เรามายอมรับในความเป็นจริงก่อน ว่าเรามีทรัพยากรจำกัดทั้งด้านคน ผู้ร่วมงาน และเครื่องมือ  เครื่องใช้
เราบริหารจัดการให้ดี เรียงลำดับความสำคัญให้ได้ว่า ตรงไหนสำคัญที่สุดในตอนนั้น เราต้องใจกว้าง  รู้ว่าใครดูแลตรงจุดไหน ตรงนั้นย่อมสำคัญกับเรา แต่อย่าลืมว่าเราทำงานเป็นทีม ทีมใหญ่ของเราคือผู้รับบริการทั้งหมด เราไปเติมเต็มจุดที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนก่อนดีไหม โดยไม่ลืมดูแลบางจุดที่ยังต้องการการดูแลจากเรา ให้อยู่ในสายตาของทีม ให้อยู่อย่างปลอดภัย จนกระทั่งเขาและครอบครัวสามารถกลับไปดูแลกันได้เต็มศักยภาพของเขา
 
  งานของเราที่ทำอยู่ทุกบทบาทในแต่ละวัน ไม่เหมือนกันเลย บางวันเราต้องวิ่งวุ่นจนลืมเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤตให้ผ่านพ้นจากเงื้อมมือพญามัจจุราช บางรายก็รอดชีวิตส่งต่อไปดูแลที่หอผู้ป่วยวิกฤติต่อไป ในบางรายที่ไม่ไหวแล้วสุดทางจะเยียวยา ก็คงถึงเวลาของเขาแล้วที่จะต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบ. แต่ไม่ว่ากรณีไหน เราต้องรับมือให้ได้ เราต้องดูแลไปจนถึงญาติ ดูแลให้เขาผ่านจุดวิกฤติเหล่านั้นไปให้ได้ถึงจุดหนึ่งที่จะมีคนที่มารับช่วงต่อไป
 
  เคยคิดย้อนกลับไปเมื่อ 20ปีก่อน ที่เรามาทำงานเรายังเป็นน้องใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ เรียนจบมา 4ปี ในการเรียน  บางกิจกรรมการพยาบาลเรายังมีทักษะน้อยมาก  บางอย่างไม่เคยทำเลยก็มี เราก็ได้ความรู้จากการถ่ายทอดของรุ่นพี่ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงความรู้และประสบการณ์ ที่เราตักตวงจากการทำงานมา ถูกบ้างผิดบ้าง พอใจบ้างไม่พอใจก็มี เราเคยคิดว่าสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราให้ผู้รับบริการดีที่สุดแล้วนั่นคือความคิดของเรา ถ้าเราไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆใช้ความรู้ที่เราร่ำเรียนมาเมื่อ20ปีก่อน ถามว่าได้ไหม มันได้ในสิ่งที่เป็นเรื่องจริงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ พยาธิสรีระภาพของคน ไม่เปลี่ยนแปลงแต่องค์ความรู้มันเปลี่ยนไป มีการพัฒนานำองค์ความรู้ต่างๆมาใช้ในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย มีนวัตกรรมใหม่มากมาย  ถ้าเราไม่เรียนรู้ เราก็ไม่สามารถทำงานดูแลรักษาพยาบาลให้ดีที่สุดได้ จริงหรือ มันไม่ใช่ทั้งหมดนะสิ่งที่สำคัญเหนือนวัตกรรมหรือองค์ความรู้ทั้งหลายมันคือจิตวิญญาณ ของเราเราต้องมีสิ่งนี้ มันเป็นจิตวิญญาณหัวใจของการเป็นมนุษย์ ที่ต้องมีความรัก ความเอื้อเฟื้อ เห็นอกเห็นใจความอยากที่จะช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน. อยากช่วยเหลือยามเพื่อนเจ็บ อยากดูแลเมื่อเพื่อนบกพร่องในการดูแลตนเอง อยากแบ่งเบาความทุกข์ มันคนละอย่างกับการเอาทุกข์มาลงที่เราเอง เราต้องทำให้มีความสมดุลย์กัน นั่นคืองานของเรา งานนี้มันยิ่งใหญ่มากนะในความรู้สึกของเรา. มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกคนทำได้ แต่พวกเราที่ทำงานในหน้าที่นี้ต้องทำได้ และทำอย่างมีความสุขด้วย นี่แหละคือเป้าหมายของเรา
 
  คนหนึ่งคนจะทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุด ให้พึงพอใจกับทุกๆคน มันไม่ง่ายเลยนะ ในหนึ่งคนมีตั้งหลายบทบาท เป็นแม่ของลูกๆ. เป็นลูกของพ่อแม่. เป็นพี่ของน้องๆ. เป็นภรรยาของสามีสุดที่รัก(หรือสุดที่จะรัก). เป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นหัวหน้างาน ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร ไม่ว่าเราต้องเจอกับอะไรมาบ้างที่บ้าน แต่เมื่อมาทำงานในหน้าที่ของผู้ให้บริการ เรารู้ว่า เราต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้สามารถทำงานในหน้าที ในแปดชั่วโมงให้ดีที่สุด วางเรื่องของเราไว้ก่อนทั้งที่บางครั้ง เรื่องราวของเราจะทุกข์แสนทุกข์กว่าคนที่เราต้องให้การดูแล ซะอีก
 
  เราทำไม่ได้หรอกนะ เราจะทำได้อย่างไร เมื่อเรายังทุกข์ใจแล้วเราจะทรมานกายเราไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร ใครจะให้คำตอบนี้กับเราได้บ้าง. แม้ทำได้แต่ผลมันออกมาน่าจะไม่ดีแน่นอน แล้วเราควรทำอย่างไร จริงๆแล้วไม่มีใครช่วยเราได้หรอก เราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเราเอง เราต้องแยกแยะให้ได้ว่า สิ่งที่เราควรนำมาคิดมาทำตอนนี้คืออะไร ปัญหาของเรานำมาคิดตอนนี้แล้วแก้ไขได้ไหมมันยิ่งทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกหรือเปล่า
 
  ถึงตอนนี้ สิ่งที่จะช่วยเราได้บ้างคงจะเป็นกำลังใจจากครอบครัวของเรา. กำลังใจจากเพื่อนของเรา หรือแม้กระทั่ง
เพื่อนร่วมงานของเรา ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่สำหรับตัวเองได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานมาเกือบ 20ปี แม้ว่าเราจะไม่ถึงขั้นว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อใคร. แต่ยังยืนยันว่าการได้รับรู้ว่าเพื่อน พี่ หรือน้องผู้ร่วมงานมีความทุกข์ เรารู้สึกอยากแบ่งเบาสิ่งเหล่านั้น บางครั้งเราไม่รู้หรอกสำหรับบางคนแค่เรารับฟังอย่างเข้าใจเขาเงียบๆเขาก็คลายความทุกข์ไปบ้างแล้ว เรื่องบางเรื่องแค่ต้องการคนรับฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจ เขาก็สามารถจัดการกับความเครียดไปได้เปราะหนึ่ง คนเราเมื่อมีสติ ก็ทำให้เกิดปัญญาแก้ปัญหาได้
 
  ในบางครั้งเราเห็นเพื่อนร่วมงานทำตัวมีปัญหา เราก็ได้แต่พูดต่อว่า ว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ทำตัวไม่เหมาะสม บ้างล่ะ  แต่ถ้าเราลองคุยกับเขาดูเราอาจจะรู้ว่าอะไรทำให้เขาเป็นอย่างนั้น เราอาจจะเข้าใจเขามากขึ้น ทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นต้องมีที่มาของมัน เราอย่าด่วนตัดสินคนอื่นเพียงแค่เห็นเรื่องบางเรื่องที่เราไม่พอใจเขาเลย
 
   การปรับตัวปรับใจให้ยอมรับเพื่อนร่วมงานให้ได้ในความเป็นปัจเจกบุคคลของเขา เราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างนัอยเราจะได้ไม่ต้องคาดหวังใคร ให้เกินความสามารถของเขา
 
   มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีกับที่ทำงานของเรา  คือ เรามีการรวมกลุ่มกันเพื่อดูแลกัน ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ยังรวมไปถึงครอบครัวของพวกเราด้วยใครเจ็บป่วยไม่สบาย เราจะร่วมมือร่วมใจกัน ส่งทั้งแรงกายแรงใจไปให้  เรารู้ดีว่า ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน  อย่างน้อยกำลังใจจากเพื่อนร่วมงานแสดงให้เรารู้ว่า เรายังมีคนที่ห่วงใยเรา
  ทุกวันนี้ เรามีความภาคภูมิใจในหน่วยงานของเรามาก เรายอมรับว่าบางครั้งระยะเวลาที่ผ่านไป มันเอาความกระตือรือร้นในการทำงาน ของเราไปบ้าง. ทำให้เราช้าลง. แต่มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเมื่อ20ปีก่อนลดน้อยลงไปเลยความรู้สึกที่หัวใจพองโตทุกครั้งที่เราดูแลผู้ป่วยแล้วทำให้เขามีความรู้สึกที่ดีกับเรา รู้สึกได้ว่าเราดูแลเขาด้วยใจ สิ่งเหล่านี้เราคิดว่าเขาสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ สิ่งเหล่านี้ที่หล่อเลี้ยงใจพวกเราให้ทนทำงานที่ใครๆก็บอกว่า งานของเรามันหนัก ค่าตอบแทนน้อยเหนื่อยไม่คุ้มค่าจ้าง แต่ มีไม่มากคนนักที่สามารถทำงานแบบพวกเราได้ พวกเราภูมิใจ. ค่าตอบแทนบางครั้งมันไม่ได้มีแค่เงิน หรือสิ่งของเท่านั้น แต่ความสุขใจที่ได้รับจากการเป็นส่วนเล็กๆในการช่วยชีวิต หรือการบรรเทาทุกข์ให้เพื่อนมนุษย์ต่างหากที่ยิ่งใหญ่กว่า

   3.10 น  26/4/56

   subah


หมายเลขบันทึก: 533946เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2013 03:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2013 11:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)


สวัสดียามเช้าค่ะ

ดีใจที่ได้เจอกันอีก

ระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมาอย่างยาวนาน ย่อมมีเหนื่อยบเาง มีท้อบ้าง ไม่ว่ากัน

เหนื่อยนักก็พักผ่อน หายเหนื่อยแล้วก็ค่อยว่ากันไป ตามประสา

พี่ติกก็พักบ้าง ทำบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความล้า


 การปรับตัวปรับใจให้ยอมรับเพื่อนร่วมงานให้ได้ในความเป็นปัจเจกบุคคลของเขา เราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างนัอยเราจะได้ไม่ต้องคาดหวังใคร ให้เกินความสามารถของเขา

แล้วเราจะคาดหวังกับตัวเราอย่างไรดี


ความสุขใจที่ได้รับจากการเป็นส่วนเล็กๆในการช่วยชีวิต หรือการบรรเทาทุกข์ให้เพื่อนมนุษย์ต่างหากที่ยิ่งใหญ่กว่า  ชื่นชมค่ะ

   สวัสดี ค่ะพี่กระติก~natachoei ที่ ~natadee

นานแล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน ช่วงหลังไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่ ดีใจมากค่ะ ที่พี่กระติกเข้ามาทักทาย  การทำงานที่ค่อนข้างหนักในward medชายของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ประกอบกับการเดินทางไปกลับ ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เกือบทุกวัน ในบางครั้งรู้สึกล้ามากๆ  ต้องเจอกับอะไรมากมายหลายอย่าง บางครั้งแบกปัญหาที่บ้านมาทำงาน บางครา แบกจากที่ทำงานกลับบ้าน แบกไปแบกมาจนต้องปรับใจใหม่ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง  ต้องคาดหวังตัวเองลดลง ว่าคงต้องยอมเสียอะไรไปบ้างเพื่อแลกกับบางอย่าง จะพยายามไม่ให้ตัวเองเสียศูนย์ ขณะเดียวกันจะพยายามทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ในบริบทที่เราเป็นอยู่ 

พี่กระติก สบายดีนะคะ อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลสุขภาพคะพี่


 
  สวัสดีค่ะคุณ tuknarak
ขอบคุณนะคะ ที่มาทักทาย งานบริการของเราในบางครั้ง หรือหลายครั้ง ก็มีสิ่งนี้แหละที่คอยบอกเรา คอยเตือนเรา ว่าเราต้องทำอะไร เพื่ออะไร บางครั้งมีหลุดบ้าง แต่คนที่ไม่สบายใจก็คือเรา  ยากมากนะคะ ต้องสู้กับใจตัวเอง อย่างที่บอกบางครั้ง หรือหลายครั้งที่ไม่พึงพอใจ แต่ต้องอดทน ใจเย็น เป็นกำลังใจให้ตัวเองและเพื่อนร่วมวิชาชีพทุกคนนะคะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท