ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีการกำหนดให้สอน 8 กลุ่มสาระ และผู้เรียนต้องผ่านการประเมินทุกตัวชี้วัดตามที่หลักสูตรกำหนด
ปัญหาเกิดจากคำถามจากผู้รู้จักมักคุ้นสอบถามไปยังผมว่าบันทึกก่อนหน้านี้ ผมเสนอไม่ให้มีการสอน 3 กลุ่มสาระ ไม่น่าจะทำได้ จะเป็นการขัดกับหลักสูตรกำหนดโดยสิ้นเชิง
ผมก็เลยจำเป็นต้องเขียนบันทึกนี้เพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าจะถูกหรือผิดให้ทุกท่านได้พิจารณา
ได้ตามอัธยาศรัย มิต้องข้องใจว่าผมจะโต้แย้งแต่อย่างใด
ผมได้ความคิดประการหนึ่งว่า"การคิดนอกกรอบ ผลกระทำให้อยู่ในกรอบ" น่าจะไม่ผิด
ผมมีแนวคิดอย่างไร ท่านคงถามอีก
ผู้เรียนอ่านหนังสือไม่ออก ผลการสอบ o-net ก็ต่ำกว่าระดับประเทศ ซึ่งแย่เอามาก ๆ
แล้วเราจึงจำเป็นต้องมาทำแผนสอนให้ผู้เรียนอ่านหนังสือออก ซึ่งใครที่ได้ไปเห็นไปพบไปรู้ด้วยตนเองก็คงจะไม่เชื่อในความเป็นไปได้แน่นอน
ผมก็ใช้วิธีดิดตามข้างต้นคือ "การคิดนอกกรอบ ผลกระทำให้อยู่ในกรอบ"
วิชากลุ่มสารอื่น ๆ สอนก็สอนไปตามปกติ ยกเว้น 3 กลุ่มสาระที่ผมได้บันทึกไว้ในบันทึกก่อนหน้านี้
ส่วนภาษาไทยต้องสอนให้ได้ 20 วัน หมายถึงถ้าคิดรายคาบ รายชั่วโมงก็ต้องได้ 100 คาบ/ชั่วโมง
ครั้งแรกต้องประชุมผู้ปกครองชี้แจงทำความเข้าใจ และต้องสมัครใจยินยอมให้ลูกหลานเข้าร่วมโครงการเพราะถ้าไม่ประชุมก่อนดำเนินการ ความสำเร็จจะน้อยลงปัญหาจะมากขึ้น
ทำจ้างครูเอกภาษาไทยทำการสอนโดยรับการการแนะแนวจากผมเพื่อจะได้รับรู้ถึงวิธีการการดำเนินการ ส่วน ครูมีอะไรเสริม ก็นำเสนอได้ก่อนที่จะไปทำการสอน ครูจ้างรายเดือน แต่ถ้าผู้เรียนผ่านการประเมินโดยแบบประเมินตัวชี้วัดการอ่าน ก็จะได้เพิ่มอีก 200 บาทต่อคน ถ้าผู้เรียนมี 25 คนและผ่านการประเมินทั้งหมด ครูก็ได้รับเงินเพิ่มพิเศษในเดือนนั้น 5000 บาท ถ้าผู้เรียนไม่ผ่านแม้แต่สักคน ก็รับเงินเดือนไปตามปกติ
ทุกคาบทุกชั่วโมงครูต้องประเมินผลผู้เรียน และมีหลักฐานปรากฏความก้าวหน้าของแต่ละคนให้ตรวจสอบได้และนักเรียนคนใดต้องการประเมินวัดผลก่อนก็ทยอยวัดผลไปทีละคนเพราะแบบวัดผลมีหลายชุด
เมื่อผู้เรียนผ่านการวัดประเมินผลตามตามกิจกรรมการเขียนการอ่านกำหนด ก็กลับไปเรียนตามปกติในแต่ละชั้นเรียนได้
แต่ไม่ต้องเรียน กลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพและเทคโนโลยี แต่ชั่วโมงเรียนกลุ่มสาระดังกล่าวยังมีอยู่ คณะบริหารพัฒนาคุณภาพวิชาการเตรียมใบงานตามตัวชี้วัดให้ครบตามหลักสูตรกำหนดแจกให้ผู้เรียนได้อ่าน และทำการประเมินผลตัวชี้วัด ในแต่ละชั่วโมงหรือแต่ละคาบจนครบ และผู้เรียนจะต้องผ่านทุกตัวชี้วัด แล้วนำผลการผ่านของแต่ละคนไปบันทึกในแบบบันทึกการผ่านตัวชี้วัดรายบุคคลเพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินผลรวมการเรียนต่อไป
การอ่านใบงานที่แจกให้จะทำให้ผู้เรียน เรียนรู้กันเอง คำไหนอ่านไม่ออก ใครตอบไม่ได้ก็จะส่งตัวแทนไปถามครูได้ทุกคน ทำให้เกิดประสบการณ์การอ่านที่เพิ่มขึ้น มีความกล้าขึ้น เพราะผู้เรียนที่อ่านหนังสือไม่ออกจะไม่ค่อยมีความกล้า
พอปลายปีปลายภาคผู้เรียนก็อ่านแบบทดสอบได้ผลการเรียนก็เพิ่มขึ้น การบันทึกผลต่าง ๆ ก็เป็นไปตาม"กรอบ"หลักสูตรกำหนดทุกประการ " เพียงแต่ทำนอกกรอบ " เท่านั้น
โจทย์มีแค่นี้ ท่านคงจะตอบได้นะครับว่าวิธีการของผมนี้ ผิดหรือไม่อย่างไร
มีคำถามหนึ่งว่า " หากสอนครอบ 8 กลุ่มสาระแล้ว เด็กได้ความรู้ครบทั้ง 8 กลุ่มสาระ ตามตัวบ่งชี้หรือไม่" ... สำหรับคุณมะเดื่อแล้ว อาจจะมีความคิดเห็นที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร เพราะคิดว่า ทุกวันนี้สำหรับตัวคุณมะเดื่อเอง สอนกลุ่มสาระเดียว ก็ยังไม่ครบตามหลักสูตรเลย....เพราะ ... เด็กตามไม่ทัน ก็ต้องสอนซ้ำย้ำทวนกันอยู่แบบเดินหน้าถอยหลังอยู่อย่างนั้น.........คุณมะเดื่อสอนแบบ " ห่วงเด็ก" ไม่ได้ห่วงหลักสูตร สักเท่าไรหรอกจ้ะ...อีกอย่าง สอนทักษะชีวิตให้เด็กเอาไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันให้ได้ เอาชีวิตรวดในสังคมได้ อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข นั่นแหละ คือ...การสอนจบหลักสูตร.....ของคุณมะเดื่อ