เรื่องเล่าขำๆหมอน้อยกับผู้ป่วยตอน 2


กลับมาตอนที่ 2 กับการให้บริการระหว่างหมอน้อยกับ ก็ไปนั่งนึกถึงวันเก่าๆตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงปัจจุบันเหมือนคนแก่นั่งนึกถึงอดีตเลยเพราะ 10 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับการให้บริการ ผู้ป่วยและยังคงเป็นอย่างนี้ไปตลอด เพราะวิชาชีพเราต้องข้องเกี่ยวกับผู้ป่วย และโรงพยาบาล สำหรับดิฉันหลังจากเรียนจบเฉพาะทางด้านการพยาบาลจิตเวช หรือ PG เป็นการอบรมระยะสั้น 4 เดือน ก็ได้มาคลุกคลีกับผู้ป่วยทางด้านจิตเวชเป็นส่วนใหญ่ ก็มีเรื่องราวมากมายทั้งจริงมั่งไม่จริงมั่ง มีผู้ป่วยรายหนึ่ง รายนี้เขาเป็นคนฉลาดมาก มาครั้งแรกก็คุยเป็นเหตุเป็นผลดี ผู้ป่วย:คุณหมอครับเมื่อกี้ผมอ่านหนังสือข้างนอก(นอกห้องบำบัดมีชั้นหนังสืออ่านเล่น) เจอเรื่องมะเร็ง น่าสนใจครับ มันเป็นอย่างไรครับโรคนี้ 

ดิฉัน: อ้อก็.................ก็อธิบายไป 

ผู้ป่วย: อือ น่ากลัวนะครับ แล้วเรื่องยาละครับมียารักษาไหมครับ 

ดิฉัน : ก็มีค่ะแต่ก็ยังไม่พัฒนามากนัก ดิฉันก็อธิบายยาตามปกติ และนัดผู้ป่วยมาครั้งต่อไป ด้วยคิดในใจว่าอืม ดีขึ้นเยอะเลยนะเนี๊ยะรู้จักอ่านหนังสือแล้ววิเคราะด้วยแอบยิ้มในใจ  แล้วผู้ป่วยก็ไปรับยากลับบ้าน   พอถึงวันนัดครั้งต่อไป 

ผู้ป่วย: คุณหมอครับผมมีความลับจะบอก 

ดิฉัน: (ทำหน้าสงสัย)อะไรหรือค่ะ 

ผู้ป่วย : ผมทำสูตรยารักษามะเร็งมาครับคุณหมออย่าบอกใครนะครับมันเป็นลิขสิทธฺ์ 

(แนะ!!!!ยังอุตสาห์รู้จักลิขสิทธิ์)  พลางยื่นกระดาษที่เขียนเป็นสูตรเคมีเต็มไปหมด ลายมือสวยด้วยเขียนเป็นระเบียบเรียบร้อยดิฉันคิดในใจถ้าเป็นสูตรจริงก็ดีสิเนี๊ยะ 

ดิฉัน: อ้อ ค่ะ แล้วก็รับไว้ ด้วยสีหน้าแบบผิดหวัง อือ สรุปว่าอ่านหนังสือแล้วฟุ่งกว่าเดิม  คราวนี้มาเป็นสูตรเลย

ผู้ป่วย: คุณหมอครับ (เรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น) คุณหมอมีห้องปฏิบัติการไหมครับ หรือที่เขาเรียกกันว่า ห้อง lab หน่ะ ผมจะสร้างยานอวกาศ เพราะตอนนี้ผมเขียนโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว ผมจะได้มาสร้างที่ห้องปฏิบัติการ คุณหมอมีไหมครับ

ดิฉัน: มีค่ะ (อิน) อุ้ย!!!ไม่มีหรอกค่ะเอางี้นะค่ะเพิ่มยาอีกตัว แล้วคุณจะได้คิดออกว่าจะไปสร้างที่ไหนดี นะค่ะ

ถ้าพูดต่อคงได้สร้างจานบินบินไปทั้งหมอทั้งคนไข้หล่ะทีนี้ เฮ้ย!!หลงนึกว่าอาการดีแล้ว ดิฉันมองตามเขาออกห้องแบบตาละห้อยเลย 

นอกจากที่ดิฉันได้ให้การดูแลให้ยาตามคำสั่งแพทย์ในผู้ป่วยที่เป็นโรคทางจิตเภทแล้วยังให้การบำบัดดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคเครียด วันหนึ่งดิฉันได้พูดคุยกับหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเธอป่วยเป็นเบาหวาน แล้วผลน้ำตาลสูงตลอด คุมอาหารแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ดิฉันก็เลยลองพูดคุยเอามา counselling ดูก็พบว่าเธอเครียดเรื่องสามี จากการที่ดิฉันได้รำเรียนวิชาการบำบัดเชิงลึกแนว ซาเทียร์จึงได้นำวิชานั้นมาใช้ดู มันเป็นคำถามลักษณะกึ่งทางการ บางทีผู้ป่วยก็ตอบยาก ในครั้งแรกที่ดิฉันบำบัดเธอต้องแปลไทยเป็นไทย แล้วแปลเป็นคำเมืองอีกที (ยุ่งยากไหมค่ะ) แล้วเธอก็บอกว่าดีขึ้นค่ะ แบบ งง งง กลับบ้าน ดิฉันนัดเธอมาอีกวัน ครั้งนี้ดิฉันเตรียมอัด วีดีโอ ด้วยเพื่อการนำไปสอบกับอาจารย์ที่สอน ซาเทียร์ ก็คุยกันเหมือนจะไปได้ดี ไหลลื่นไปได้ในใจคิดอยู่ว่า อือ ฉันได้ล่ะ วีดีโอ นี้หล่ะ ดูผู้ป่วย success ดี พอถึงตอนสุดท้ายดิฉันก็ต้องถามเพื่อความมั่นใจว่าผู้ป่วยดีขึ้น

ดิฉัน: เป็นอย่างไรบ้างค่ะ หลังจากพูดคุยกันมา

ผู้ป่วย: ดีขึ้นค่ะ เพราะเห็นคุณหมอยิ้ม แล้ววันนี้ดิฉันตอบคำถามดีไหมค่ะ น่าจะดีกว่าคลาวที่แล้วใช้ไหมค่ะ แค่ดิฉันเห็นคุณหมอยิ้มดิฉันก็ดีใจแล้วค่ะ

ดิฉัน: T_T ????   ตกลงใครบำบัะดใครกันเนี๊ยะ!!!!!!

สรุปว่า....................



หมายเลขบันทึก: 533142เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2013 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2013 10:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ

             นอกจากเป็นเรื่องขำ   ตามความคิดของใคร ๆแล้ว   ผมคิดต่างครับ  เป็นความสุขทั้งสองฝ่ายไงละครับระหว่างหมอน้อยกับผู้ป่วย   ที่ตามมาคือคนอ่านจะได้นำสาระในบันทึกไปประดับความรู้อีกต่อหนึ่ง ความสุขก็เกิดอีกครั้งหนึ่ง.....

เรื่องราวทุกเรื่องได้ทั้ง อมยิ้ม และข้อคิดค่ะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท