การเรียนรู้ เป็นสิ่งที่ ก่อให้เกิดแนวคิด ในสิ่งที่ตนสนใจ เพื่อให้เกิดความถ่องแท้ ความกระจ่างแจ้ง ในศาสตร์นั้นๆ และสามารถพัฒนาให้เกิดองค์ความรู้ในสิ่งใหม่ได้โดยการการผนวก เทียบเคียง และการอนุมานโดยใช้ฐานความรู้เดิมที่มีอยู่ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นก็เนื่องจาก การใฝ่รู้ ขวนขวาย และสิ่งที่สำคัญคือ รักที่จะเรียนรู้ ไม่ว่าศาสตร์นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน การดำรงชีพ หรือความชอบส่วนบุคคลก็ตาม การเริ่มต้นที่ดีของการเรียนรู้นั้นถ้าเกิดจากความรักที่จะเรียน ก็สามารถที่จะเข้าถึงองค์ความรู้ได้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าเกิดจะความรักแล้ว ความพยายาม ความอดทน การแสวงหาก็จะตามมาและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีคุณค่ามหาศาล หรือ สิ่งนั้นอาจไร้ค่าในสายตาคนอื่นแต่อย่างน้อยความสุขใจในการเรียนรู้ก็เกิดขึ้นได้
แต่สิ่งที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ก็มีความสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ อุปสรรคที่ขัดข้องจากใจของผู้เรียนเองอันได้แก่ความยึดถือ
- ความถือตนว่าเป็นเจ้าของทฤษฎี รู้เรื่องนั้นๆแล้วเป็นอย่างดี
- ถือว่า ความรู้นั้นมาจากคนที่ อ่อนประสบการณ์
- ถือว่า ปริญญาทางการศึกษาของตนสูงกว่า
- ถือตนโดย อคติต่อสถาบันการเรียนรู้
- ถือตนโดยอ้างว่าการเรียนรู้ต่อสิ่งนั้นเป็นสิ่งไร้ประโยชน์
- ถือตนว่า ความรู้นั้นไม่มีงานวิจัยรองรับ
- ถือตนในความแตกต่างทางเพศ
อคติและการยึดมั่นในสิ่งดังกล่าว เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่หยุดนิ่งไม่ว่าความรู้อะไรก็ตามที่มีอยู่บนโลกนี้ ณ ปัจจุบันความรู้ที่คิดว่า ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ อีกสิบปีข้างหน้าก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปก็ได้ หลายต่อหลายองค์ความรู้ที่เกิด ณ ขณะนี้ที่ไปหักล้างกับทฎษฎีและความรู้แบบเก่าก็มีให้ได้เห็น ไม่มีความรู้ใดที่จริงแท้แน่นอน ทฤษฎีทุกอย่างเชื่อมโยงเป็นพลวัต ถ้าผู้เรียนหรือผู้ศึกษาสามารถที่จะทลายกำแพงความยึดถือนี้ได้ เชื่อว่าการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าค้นหา และเป็นเรื่องที่น่าท้าทายเพื่อก่อให้เกิดความหลากหลายในองค์ความรู้ในศาสตร์ต่างๆอย่างแน่นอน
น่าจะเป็น ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด..โบราณเขาว่าไว้มั้ง...ยายธี