วันครอบครัว
13 เมษายน ของทุกปีเป็นวันสงกรานต์
คนไทยได้ยึดถือประเพณีอันดีงามสืบต่อกันมาแต่ โบราณกาล ถัดมาอีก 1 วันคือวันที่ 14
เมษายน ของทุกปีเป็น “วันครอบครัว”
เพื่อมุ่งหวังจะให้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีแต่ดั้งเดิม
ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจบ้านเมือง
และยังเป็นช่วงที่คนไทยส่วนได้เดินทางกลับบ้าน ทำให้เทศกาลสงกรานต์ จึงถือเป็นโอกาส
รวมญาติ รวมครอบครัว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบุพการี
รดน้ำดำหัว ขอพร ผู้เฒ่าผู้แก่ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และเพื่อความอบอุ่น
เป็นสุขของครอบครัว ตามประเพณีไทยที่เคยปฏิบัติกันมา
และรัฐบาลได้กำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว
เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่า ของสถาบันครอบครัว
และใช้เวลาว่างในวันหยุดสุดสัปดาห์ร่วมกันอีกทั้งยังส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าและ
ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์
ระหว่างสมาชิกในครอบครัวและสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวจะส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคม
ที่มีครอบครัวแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสังคมไทยในด้านต่าง ๆ
ความหมายของสถาบันครอบครัว
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
ได้ให้ความหมายของคำว่า " สถาบัน" และ " ครอบครัว " ไว้ดังนี้
สถาบัน
หมายถึง สิ่งซึ่งคนในส่วนรวม คือ
สังคมจัดตั้งให้มีขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจำเป็นแก่วิถีชีวิตของตน
เช่น สถาบันครอบครัว ฯลฯ
ครอบครัว
หมายถึง ผู้ร่วมครัวเรือน คือ สามี ภรรยา และบุตร
2.
ความหมายตามแนวพุทธศาสตร์
ครอบครัวตามแนวพุทธศาสตร์
ไม่มีการกำหนดตายตัว
แต่กล่าวถึงลักษณะอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น
ในทางพุทธศาสนาจะกล่าวถึงครอบครัวในรูปของสามีภรรยา บิดา มารดา เท่านั้น ซึ่งถือว่า
มารดา บิดาก็ดี สามี ภรรยาก็ดี เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของครอบครัว
3.
ความหมายในแง่สถาบัน
ครอบครัว หมายถึง
การอยู่ร่วมกันของชายหญิง ในรูปของสามี ภรรยา
มีหน้าที่ให้กำเนิดบุตรและเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ในสังคมได้
สมาชิกในครอบครัวมีการแสดงออกทางพฤติกรรมต่อกันและกัน
ในรูปของการปฏิบัติตามสถานภาพและบทบาทอันเป็นหน้าที่ของสมาชิก
บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวที่พึงปฏิบัติต่อกัน
1. ให้ความรัก ความอบอุ่นและความเอื้ออาทรต่อกัน
2.
หันหน้าเข้าหากันและยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
3. ช่วยเหลือ ดูแล เกื้อกูล
ซึ่งกันและกัน
4.
ดูแลเอาใจใส่และให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
5.
รู้จักวางแผนการใช้จ่ายอย่างประหยัด/ไม่ฟุ่มเฟือย
6.
รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน
7.
ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวรวมกันเช่น การเข้าวัดอบรม
ปฏิบัติธรรมนำ
ครอบครัวอบอุ่นครอบครัวสนุกกับห้องสมุด ศิลปะสุดสัปดาห์
หลักในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันที่ง่าย ๆ สำหรับครอบครัวคือ ใช้หลัก 5 อ.
1. อ. อภัย
เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดพลาดไปบ้างให้นึกถึงคำว่าอภัยเสมอ
และจะไม่นำเอาสิ่งที่ผิดพลาดนั้นมาพูดซ้ำเติมอีก
2. อ. เอื้อเฟื้อ
สมาชิกทุกคนในครอบครัว
ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของฉันไม่ใช่หน้าที่ของ ฉัน
ฉันไม่เกี่ยวเช่น คุณพ่อซักผ้า แม่ถูบ้าน ลูกล้างจาน
อย่าคิดว่าเป็นงานของใครคนใดคนหนึ่ง
3. อ. อารมณ์ขัน
ฝึกให้มีอารมณ์ขันเสียบ้าง
มีการกระเซ้าเย้าแหย่กันบ้างในบางโอกาสอาจเป็นทั้งพ่อทั้งแม่
เพื่อนและพี่สำหรับลูกก็ได้
4. อ. อดทน อดกลั้น อดออม
ชีวิตครอบครัวที่จะต้องมี 3 อ นี้ด้วย อดทนต่อความยากลำบากต่าง ๆ
ในครอบครัวอดกลั้นต่อสิ่งที่มากระทบจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือกิเลสที่มา
กระตุ้นเราให้หลุ่มหลง และให้รู้จักอดออมเงินทองที่หามาได้แบ่งไว้ใช้เป็นสัดส่วน
ส่วนที่หนึ่ง ใช้จ่ายในครอบครัวส่วนที่สองสำหรับการศึกษาของบุตร
สวนที่สามสำหรับค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บไข้ ส่วนที่สี่
บริจาคทานทำบุญสร้างกุศลไว้เป็นเสบียง เมื่อยามจะจากโลก
นี้ไป แล้วอีกส่วนหนึ่ง เก็บออมไว้ใช้เมื่อยามแก่เฒ่า
5. อ. อบอุ่น เมื่อเราปฏิบัติได้
4 อ. ข้างต้นแล้ว อ.ที่ 5 ก็จะตามมาอย่างแน่นอน คือ อบอุ่น เมื่อสมาชิก
ทุกคนรู้หน้าที่และบทบาทของตัวเองแล้ว ชีวิตครอบครัวก็คงหนีไม่พ้นคำว่า
“สุขภาพจิตเริ่มต้นที่บ้าน” ดังคำขวัญที่ว่าไว้อย่างแน่นอน