วิจัยเปรียบเทียบการรักษาโรคมะเร็งไตระยะแพร่กระจาย ด้วยา IFN-alpha bevacizumab sorafenib sunitinib และ everolimus กับการรักษาประคับประคอง

หากมีการต่อรองราคายา ผู้ป่วยโรคมะเร็งไต ccRCC จะเข้าถึงยาได้มากขึ้น

การประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์และผลกระทบด้านงบประมาณของการรักษาผู้ป่วยมะเร็งไตชนิด clear cell renal cell carcinoma ระยะแพร่กระจาย

เป็นงานวิจัยเพื่อประเมินความคุ้มค่าและผลกระทบด้านงบประมาณของการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งไตชนิด clear

cell renal cell carcinoma (ccRCC) ระยะแพร่กระจาย ด้วยแนวทางการรักษา 6 ทางเลือก ได้แก่ 1) IFN-alpha ตามด้วยการรักษาประคับประคอง 2) bevacizumab ร่วมกับ IFN-alpha ตามด้วยการรักษาประคับประคอง 3) sunitinib ตามด้วยการรักษาประคับประคอง 4) IFN-alpha ตามด้วย sorafenib 5) sunitinib ตามด้วย everolimus 6) bevacizumab ร่วมกับ IFN-alpha ตามด้วย everolimus โดยเปรียบเทียบกับการรักษาประคับประคอง ผลการวิจัยนี้ได้นำไปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการบรรจุยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ การศึกษาพบว่า ที่ราคายาในปัจจุบัน การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งไตชนิด ccRCC ระยะแพร่กระจายไม่มีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาแบบประคับประคอง อย่างไรก็ตามการศึกษาแสดงให้เห็นว่าหากราคายาลดลง การรักษาด้วย everolimus (115( (115 บาทต่อเม็ด) เป็น second-line therapy ภายหลังจากการรักษาด้วย sunitinib (43 บาทต่อเม็ด) เป็น first-line therapy จะเป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่าที่สุดและจะสามารถยึดชีวิตผู้ป่วยได้ประมาณ 1.5 1.1.5 ปีต่อราย ด้วยงบประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นหากมีการต่อรองราคายา จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่เข้าถึงยาได้

อ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ http://hitap.net/news-documents/documents/research-reports