เตือนหลังน้ำลดต้นหนาวประชาชนควรเคร่งครัดดป้องกันตนเองและบุตรหลานจากโรคไข้หวัดใหญ่


เภสัชกรเชิดเกียรติ  แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า จากรายงานเฝ้าระวังพิเศษโรคของโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ  ในช่วงอุทกภัยและต้นฤดูหนาวบางพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 5-19 ตุลาคม 2554 จำนวน 33 จังหวัด 232 อำเภอ พบอัตราป่วยของประชาชนอันดับสี่ คือ โรคไข้หวัดใหญ่ ( อัตราป่วย 1.18 ต่อประชากรแสนคน )  

       โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย  โดยเชื้อจะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ  เมื่อสูดลมหายใจเอาเชื้อเข้าไป เชื้อโรคจะไปเจริญอยู่ในลำคอและเยื่อบุทางเดินหายใจของผู้ป่วย  ส่งผลให้ผู้ป่วยจะมีอาการตัวร้อน  มีไข้สูง  38-40 องศาเซลเซียส  เป็นเวลา 3-4 วัน  ปวดศีรษะมาก  หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว  น้ำมูลไหล  คัดจมูก  ไอ  จาม  เจ็บคอ  เบื่ออาหาร  อ่อนเพลีย  อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน  ผู้ที่กำลังป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่  ไม่ควรออกกำลังกายหรือทำงานหนัก  เนื่องจากอาจทำให้อาการทรุดลงจากการติดเชื้อลุกลามไปที่ปอดได้ 

        การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ง่าย  โดยการหายใจเอาเชื้อโรคที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเข้าไป  การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม ละอองน้ำมูก เสมหะ และหายใจรดกัน  การใช้สิ่งของต่างๆ ร่วมกับผู้ป่วย  การนำมือที่สัมผัสเชื้อจากผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมต่างๆ มาขยี้ตา จับต้องจมูก  ปาก  ประกอบกับการที่มีสภาวะอากาศอับชื้นและหนาวเย็น  ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำลง  จึงมีโอกาสติดโรคไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย

       การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทำได้โดย  การล้างมือบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย ก่อนกินอาหาร ก่อนและหลังเตรียมหรือปรุงอาการ  หลังการขับถ่าย  หลังหยิบจับสิ่งสกปรก หลังสัมผัสผู้ป่วยหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยง และทุกครั้งที่กลับจากนอกบ้าน  หลีกเลี่ยงการใช้มือที่ไม่ได้ล้างสัมผัสบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะตา จมูก ปาก หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยและอยู่ในสถานที่มีคนอยู่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และการฉีดวัคซีนป้องกันตามคำแนะนำของของกระทรวงสาธารณสุข

 เภสัชกรเชิดเกียรติ  กล่าวแนะนำประชาชนในการปฏิบัติตัวให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

1) ใช้ผ้าสะอาดปิดปาก ปิดจมูก เวลาไอ จาม และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และใช้ผ้าสะอาดหรือทิชชูนุ่ม ๆ เช็ดน้ำมูก ไม่ควรสั่งน้ำมูกแรงๆ จะทำให้เกิดอักเสบในหูได้

2) เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแทนการอาบน้ำ แล้วเช็ดตัวให้แห้งทันที ไม่ควรอาบน้ำเย็น จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็นปอดบวมได้

3) กินอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกาย และดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุกอุ่นๆ บ่อยๆ ใส่เสื้อให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

4) ล้างมือให้เป็นนิสัย

5) หากมีไข้สูงนานเกิน 7 วัน เจ็บหน้าอก หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ รวมทั้งผู้ป่วยที่มีไข้สูงและมีประวัติการสัมผัสสัตว์ปีก ควรรีบไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลการสัมผัสสัตว์ปีก  เพราะอาจได้รับเชื้อไข้หวัดนกได้

       แต่หากมีอาการป่วยรุนแรง เช่น มีไข้สูงและไม่ลดลงภายใน 2 วัน  มีอาการไอมาก เจ็บหน้าอก  หายใจถี่ หอบ เหนื่อย ซึม ในเด็กเล็กอาจทำให้เด็กร้องไห้งอแงมาก  กินอาหารไม่ได้หรือกินได้น้อยมาก  อาเจียน  ท้องเสีย  ขอให้รีบพาไปสถานบริการสาธารณสุขใกล้เคียงทันที  หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการสายด่วน  กระทรวงสาธารณสุข  โทรศัพท์ 1422  และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ข้อความหลัก " ล้างมือบ่อย ๆ ฉีดวัคซีนเร็วไว ปลอดภัยไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ ”

กรมควบคุมโรค  ห่วงใย  อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/tv/2554_11_03_Flu.html

คำสำคัญ (Tags):
หมายเลขบันทึก: 529237เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2011 14:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2013 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท