สถานการณ์ในการผลิตข้าวของจังหวัดนครพนม ปี 2549 อย่ในเกณฑ์ดี ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ พื้นที่ปลูกข้าวทั้งจังหวัด 1,408,760 ไร่ ประมาณการณ์ผลผลิตไม่น้อยกว่า 563,500 ตันข้าวเปลือก สัดส่วนพื้นที่ปลูกข้าวของจังหวัดนครพนม เป็นข้าวเจ้าร้อยละ 43 ข้าวเหนียวร้อยละ 57 ข้าวเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคมนี้ ในปี 2549 นี้ จังหวัดนครพนมได้ดำเนินการโดยการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน (Food Safety) โดยได้สำรวจสำมะโนเกษตรกรทุกครัวเรือน ผลการสำรวจพบว่าการผลิตข้าวอยู่ในเกณฑ์ระดับความปลอดภัย (GAP) ร้อยละ 99 ดังนั้น เพื่อเป็นการวางแผนรองรับผลผลิตข้าวและเป็นการประเมินคุณภาพผลผลิตว่ามีคุณภาพเป็นอย่างไร สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมจึงได้จัดสัมมนาเรื่อง "ข้าวนครพนมส่งออกได้จริงหรือ" ในวันที่ 27 กันยายน 2549 ณ โรงแรมแม่น้ำโขงแกรนด์วิว จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นการสัมมนา 4 ฝ่าย ประกอบด้วย
1. ประธานกล่มศูนย์ข้าวชุมชน
2. ผู้ประกอบการโรงสีข้าว
3. ผู้ประกอบการร้านอาหาร
4. ภาคราชการ
เกษตรจังหวัดนครพนม (นายสุทธิชัย ยุทธเกษมสันต์) มั่นใจว่าการสัมภาษณ์นี้จะทำให้เกิดผลใน 3 เรื่อง ดังนี้
1. เกิดการเชื่อมโยง เข้าใจ และยอมรับระบบการผลิตและการตลาดข้าวซึ่งกันและกัน
2. เกิดเครือข่ายวิถีการผลิตการตลาดข้าว
3. เกิดการรักษาคุณภาพข้าวทุกระดับ ทั้งระดับการผลิต การแปรรูป และการเพิ่มมูลค่า จากระดับความปลอดภัยก้าวไปสู่ระดับเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
มุมมองของผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้าว
1. ผู้ผลิต
ประธานศูนย์ข้าวชุมชนจากทุกอำเภอ มีความมั่นใจว่า การผลิตข้าวในปัจจุบันนี้ เน้นเรื่องความปลอดภัยมาก ไม่มีการใช้ยาเคมีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็มีเฉพาะปุ๋ยเคมี แต่เรื่องปุ๋ยเคมีมีการใช้น้อยลงทุกปี ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นทุกปี ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ผลิตตามคำแนะนำของเกษตรตำบล มั่นใจว่าผ่านระดับความปลอดภัยและได้มาตรฐาน (GAP) ในปีต่อไปจะพยายามปรับไปสู่ระดับเกษตรอินทรีย์มากยิ่งขึ้น อยากให้โรงสีและภาคราชการเพิ่มราคาตามคุณภาพให้ด้วย
2. ผู้ประกอบการโรงสีข้าว
ในการรับซื้อข้าว จะรับซื้อตามคุณภาพของข้าว จะประสานรับซื้อจากกลุ่มผู้ปลูกข้าวที่มีคุณภาพ หากกลุ่มใดมีใบรับรองคุณภาพจากทางราชการจะพิจารณาให้ราคาดีพิเศษ สูงกว่าโรงสีข้าวนครพนมไรซ์และโรงสีข้าวนาแกพงษ์เจริญ ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ผู้ปลูกข้าวควรเน้นคุณภาพ รักษาคุณภาพใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น ระมัดระวังในการใช้สารเคมี เอาใจใส่ในกระบวนการผลิต จดบันทึกข้อมูลในนาของตนเอง เพื่อลดต้นทุนการผลิต เมื่อต้นทุนต่ำ รายได้ก็จะเพิ่มขึ้น ในมุมมองของโรงสีข้าว ยอมรับว่าคุณภาพข้าวของจังหวัดนครพนมอยู่ในเกณฑ์ดี เปอร์เซ็นต์ต้นข้าวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 45 ซึ่งถือว่าสูงมาก ดีมาก และยินดีจะประสานกับกลุ่มผู้ผลิตข้าว จะรับซื้อข้าวคุณภาพจากผู้ผลิตข้าวทุกกลุ่ม
3. ผู้ประกอบการร้านอาหาร
ผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีนักท่องเที่ยวเข้าร้านมากที่สุดของจังหวัดนครพนมที่เข้าร่วมสัมมนา 3 ร้าน ได้แก่ ร้านวิวโขง ร้านรีเวอร์บีท และร้านลุงเทียนอินโดจีน ทั้ง 3 ร้าน ให้ข้อมูลตรงกันว่า 1) จะซื้อข้าวมะลิคุณภาพเท่านั้นมาบริการลูกค้า 2) คุณภาพข้าวหอมมะลินครพนมคุณภาพดีมาก ลูกค้าทานข้าวเสร็จจะได้รับคำชมทุกครั้ง และจะถามซื้อข้าวสารด้วย จนต้องประสานกับโรงสีนำข้าวสารถุงมาวางขายด้วย 3) จะเพิ่มเมนูจากข้าวหอมมะลิมากขึ้น เช่น ข้าวมะลิผัดอเมริกัน , ข้าวหอมมะลิผัดปลาเผาะ ข้าวหอมมะลิขนมหวาน ฯลฯ
4. ภาคราชการ
ภาคราชการทุกส่วนทั้งเกษตร , ธกส. , พานิชญ์ ให้ความมั่นใจว่าจะร่วมกับทุกฝ่ายในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายในการผลิตว่า ไทยคือครัวอาหารของโลก ตามนโยบายของรัฐบาลจะสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตและการตลาด ข้าวนครพนมจะต้องเป็นข้าวคุณภาพที่มีความปลอดภัยและจะเน้นให้มีการรับรองคุณภาพ (GAP) ขยายมากยิ่งขึ้น
ผลที่ได้เกินคาด
จากการสัมมนา ข้าวนครพนมคุณภาพดีจริงหรือ ผู้เข้าสัมมนา 4 ภาคส่วน ได้ตกลงร่วมกันว่า จะรักษาคุณภาพข้าวทุกระดับตามกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรกรจะรักษาคุณภาพข้าว โดยไม่ใช้สารเคมี จะรักษาระดับความปลอดภัย โรงสีข้าวจะรับซื้อข้าวคุณภาพ ราคาข้าวจะสูงตามคุณภาพข้าว จะไม่ปลอมปนข้าว ผู้ประกอบการร้านอาหารจะใช้ข้าวคุณภาพดีเท่านั้นให้บริการลูกค้าและนักท่องเที่ยว ซึ่งนับว่าได้ผลดีเกินคาด ทุกภาคส่วนได้เข้าใจซึ่งกันและกันจะรักษาคุณภาพข้าวในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ
อย่าลืม หากท่านมีโอกาสมาแวะเยี่ยมจังหวัดนครพนม ลองมาทดสอบคุณภาพข้าวก็แล้วกัน จะแวะที่ร้านอาหารวิวโขง ร้านรีเวอร์บีท ร้านลุงเทียนอินโดจีน รับรองว่า กินด้วย หิ้วด้วย ก็แล้วกัน
การบันทึกข้อมูลในนาน่าจะบอกรายละเอียดวิธีกานบันทึกให้ชัดเจน จะเกิดประโยชน์กับเกษตรกรรายอื่น ๆ เช่น
"ดิน" ควรจะต้องนำไปวิเคราะห์ก่อนว่ามีธาตุอาหารอะไรบ้าง ความเป็นกรดเป็นด่าง และควรจะมีการวิเคราะห์ว่าข้าวชนิดนี้ต้องการธาตุอาหารอะไร
"น้ำ" ควรวิเคราะว่ามีโลหะหนัก จุลินทรีย์ สารตกค้าง ออกซิเจน ว่ามีอะไรเห่าไร อะไรจำเป็น อะไรไม่เป็นประโยขน์
"อุณหภูมิ" เท่าไรที่เหมาะสม
"ความชื้นสัมพัทธ์" เท่าไรที่เหมาะสม "สิ่งแวดล้อม" ในอากาศมีอะไรบ้างที่มีผลกระทบ เช่น คาบอนมอนออกไซค์ ซัลเฟอร์ ฯ
"แสงแดด" เท่าไรที่เหมาะสม
หากเก็บข้อมูลละเอียดและต่อเนจื่องได้ ต่อไปจะทำการวิเคราะห์ไดชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดจากอะไร
เรียน ท่านรอง ไพโรจน์ (รอง อธส.บริหาร)
ขอขอบพระคุณท่านรองครับที่ให้คำแนะนำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานมากครับ
นายทวี มาสขาว