ผมสูบบุหรี่แบบซองยี่ห้อกรองทิพย์วันละ
1 ซอง ผมมีอาการ เจ็บคอ เป็นหว้ดบ่อย ปวดจุกท้อง
หายใจไม่อิ่ม เดือนละ 1-2 ครั้ง
เคยซื้อยากินเองอาการก็ไม่ดีขึ้น
จึงต้องมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ เดือนละ 1 ครั้ง มาพบแพทย์อยู่ 4 – 5 เดือน
ด้วยอาการเช่นเดิมแพทย์ได้ถามผมเรื่องการสูบบุหรี่ ผมสูบเป็นประจำ แพทย์แนะนำให้ผมเลิก ผมได้มานรอรับยาที่ห้องยาผู้ป่วยนอก ได้มองเห็นคลินิกอดบุหรี่จึงได้เข้าไปขอคำแนะนำ
พยาบาลแนะนำและให้คู่มือการเลิกบุหรี่ด้วยตนเองมา
ผมก็ได้ปฎิบัติตามในวันนั้น หลังจากที่ผ่านคืนแรกแห่งการไม่สูบบุหรี่ไปได้ด้วยความมุ่งมั่นวันรุ่งขึ้นก็ไปทำงาน
ปรากฏว่ามีอาการผิดปรกติเกิดขึ้นกับร่างกายมากมาย เริ่มจากอาการไม่มีแรง แขนขาแข็ง
ไม่กระฉับกระเฉงว่องไวเหมือนเช่นทุกวัน ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเช้าแล้ว ก็ไม่รู้สึกสดชื่น
ขี้ตาเขรอะ น้ำมูกน้ำตาไหลซึม หาวนอนตลอดเวลา พูดเสียงอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด
ดื่มกาแฟแล้วก็ไม่ดีขึ้น ขับรถไปทำงานก็ขับสะเปะสะปะ เกือบจะไปเบียดกับรถคันอื่นตั้งหลายครั้ง
พอไปถึงที่ทำงาน
ก็มีอาการหัวตื้อ คิดอะไรไม่ออก นึกไม่ออกว่ามีงานค้างอะไรที่ต้องทำต่อจากเมื่อวานนี้บ้าง
หรือมีงานด่วนอะไรบ้างที่ต้องรีบทำ เริ่มต้นไม่ถูกเลย
เหมือนคนไม่มีสมาธิในการทำงาน เพื่อนที่ทำงานมาปรึกษาเรื่องงาน ก็ได้แต่มองหน้า
ได้ยินเขาพูดแต่ไม่ได้ฟัง นึกไม่ออกว่าจะให้คำแนะนำอย่างไร
บางครั้งต้องขอให้เขาพูดซ้ำใหม่ และกว่าเราจะตอบเขาได้ก็ลำบากยากเย็น
น้ำเสียงก็อู้อี้เหมือนคนเอามืออุดจมูกพูด จุกเสียดแน่นท้องแน่นหน้าอกเหมือนคนเรอไม่ออก
เวลาลุกเดินก็เหมือนคนไม่มีแรง ก้าวขาไม่ค่อยจะออก ปวดตามเนื้อตามตัว
บางครั้งก็ปวดจี๊ดที่ขมับ ปวดหนึบ ๆ บริเวณขอบตาด้านบน ฯลฯ
สรุปแล้ว วันแรกที่เลิกบุหรี่ ทำงานไม่ได้เลย
เหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่มีสมาธิในการทำงานเอาเสียเลย แต่ก็ยังใจแข็งพอที่จะไม่ออกไปซื้อหาบุหรี่มาสูบเพื่อให้ทำงานได้ตามปรกติ
ตกเย็นกลับถึงบ้านก็ดีใจที่หยุดบุหรี่มาได้ (ตั้ง) ยี่สิบสี่ชั่วโมง
เริ่มต้นวันที่สอง ตื่นขึ้นมาก็เกิดอาการลุกไม่ขึ้น
หนาวเหมือนคนเป็นไข้ แต่ไม่มีไข้ ตัวไม่ร้อน ต้องนอนห่มผ้าทั้ง ๆ
ที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ วันนี้ไปทำงานไม่ได้ เพราะเดินไม่ไหว หนาวสั่น
ปวดตามเนื้อตามตัวมาก ขยับแขนขาก็ลำบาก ไม่มีแรง ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่กับที่
วันนี้หลับลึกทั้งวัน เลยไม่ได้นึกถึงบุหรี่
วันที่สาม รู้สึกเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ แต่ยังปวดตามเนื้อตามตัวอยู่บ้าง และพูดเสียงอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด
มีน้ำมูกน้ำตาไหล แต่เริ่มมีแรงเดินไปไหนมาไหนได้แล้ว จึงกลับเข้าที่ทำงานช่วงบ่าย
ความรู้สึกอยากบุหรี่ยังไม่ได้หมดไป ตรงกันข้าม กลับรู้สึกว่าพอกันที ขอกลับไปสูบเหมือนเดิมดีกว่าจะได้มีสมาธิทำงานได้ตามปรกติ
แต่เนื่องจากว่าได้โละที่เขี่ยบุหรี่และบุหรี่ทิ้งตั้งแต่วันแรกแล้ว จะกลับไปซื้อมาสูบใหม่ก็ยังลังเลใจเพราะได้รับปากกับภรรยาไว้
พอไปถึงที่ทำงานก็เดินป้วนเปี้ยนอยู่บนอาคารจอดรถ ตาก็เหลือบไปเห็นก้นบุหรี่ที่เขาโยนทิ้งไว้กับพื้น
สูบไปได้ครึ่งเดียว ยังเหลืออีกครึ่ง จึงก้มลงไปเก็บมาจุดสูบ ปรากฏว่า หลังจากหยุดบุหรี่มาเกือบสามวันเต็ม
พอกลับไปสูบใหม่ รสชาติมันไม่เหมือนกับที่เคยสูบเสียแล้ว รู้สึกว่าเหม็นมาก พออัดควันเข้าไปก็มึนหัวจนยืนไม่ไหว
สูบได้สองคำเลยโยนทิ้ง แล้วก็รู้สึกสมเพชตนเองที่มาเดินเก็บก้นบุหรี่ที่คนอื่นเขาทิ้งไว้มาสูบ
จึงตัดสินใจแน่วแน่อีกครั้งว่าจะต้องเลิกให้ได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ร่างกายก็ค่อย ๆ ปรับตัว เริ่มกลับมาสดชื่น
มีสมาธิ กระฉับกระเฉงดังเดิม โดยไม่ต้องพึ่งพาบุหรี่ และยิ่งกว่านั้น
กลับรู้สึกว่าร่างกายมีเรี่ยวแรงดี ไม่เหนื่อยง่าย
ดีกว่าเมื่อครั้งที่ยังติดบุหรี่มาก ผู้เขียนจำได้ว่าใช้เวลาประมาณสองถึงสามสัปดาห์
กว่าจะลืมบุหรี่ได้สนิทและสามารถปฏิเสธบุหรี่ได้ถึงแม้จะมีคนรอบข้างมายืนสูบให้เห็นหรือยื่นบุหรี่ให้ก็ตาม
ส่วนอาการถอนยานั้น จะรุนแรงเฉพาะในช่วงสามถึงห้าวันแรกเท่านั้น ระดับความรุนแรงของอาการก็ขึ้นอยู่กับว่าสูบมานานแค่ไหน
และปริมาณการสูบมากน้อยเพียงใด
สรุปได้ว่า เมื่อเริ่มต้นหยุดบุหรี่ จะเกิดอาการถอนยารุนแรงในช่วงสามถึงห้าวันแรก หลังจากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว
ก็ถือเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังเพราะร่างกายยังไม่กลับสู่ภาวะปรกติเสียทีเดียว ในช่วงสัปดาห์ที่สอง
จะมีอาการหงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ ส่วนสมาธิในการทำงานก็ยังไม่นิ่ง
พอเข้าสัปดาห์ที่สาม ทุกอย่างก็จะเริ่มดีขึ้น ๆ ตามลำดับ