เมื่อวานดิฉันได้รับ case suicide หรือ case ที่พยายามฆ่าตัวตายสองราย เป็นสุภาพสตรีทั้งสอง ลักษณะปัญหาก็คล้ายๆ กัน หรือแม้แต่การมองปัญหาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก และที่สำคัญการมองตนเองที่มองว่าตนเองนั้นไร้ค่า ไม่มีคุณค่า (Low self-esteem)...ที่ดิฉันบอกว่าคล้ายๆ และไม่แตกต่างแต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีความแตกต่างอยู่ไม่ใช่จะเหมือนกันเสียทีเดียว...case ทั้งสองนี้ไม่ได้มาพร้อมกัน รายหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ทางหอผู้ป่วยส่งมา และอีกรายหนึ่งพี่เบิร์ดนักจิตวิทยาส่งต่อมาให้
รายแรกอายุ 18 แต่งงานมาประมาณปีกว่า ไม่เคยมีปากเสียงหรือขัดแย้งอะไรกับสามี แต่เมื่อคืนเกิดเหตุสามีมาขอว่าอยากจะไปเที่ยวและไปชอบพอกับนักร้อง ดังนั้นจึงเกิดปากเสียงและถึงขั้นทะเลาะรุนแรง ฝ่ายภรรยาน้อยใจและเสียใจจึงตัดสินใจดื่มสารเคมีฆ่าวัชพืชเข้าไป ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล ในความรู้สึกของ case รู้ว่าเสียใจ น้อยใจ และมองว่าตนเองนั้นไร้ค่า หากไม่มีสามีตัวเองก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไรต่อไป... ในบางคนอาจมองว่า case ทำไมอ่อนแอจัง ทำไมต้องไปทุ่มเทอะไรทั้งหลายให้สามี แต่ในห้วงเวลานั้นเราในฐานะผู้บำบัดไม่ควรที่จะแทรกทัศนะคติที่เป็นส่วนตัวเข้าไป หน้าที่เราเพียงให้ case ได้ระบายความรู้สึก (ventilation) พร้อมให้การดูแลทางด้านจิตใจ (mental support) จากนั้นกู้คืนความรู้สึกแห่งความมีคุณค่าในตนเอง(self-esteem) ของ case ให้เพิ่มขึ้น ดิฉันค่อนข้างจะถนัดทางด้าน RET Counseling (Reational-Emotional Therapy คือการพิจารณาเหตุผลและอารมณ์) แต่ในบางครั้งก็จะใช้แบบผสมผสาน และ
case รายที่สองเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 24 ปี แต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรหนึ่งคน รายนี้จะมีความขัดแย้งในครอบครัว สามีและแม่ยายไม่ชอบพอกันมีเรื่องทะเลาะ และปะทะกันเป็นประจำ และมักมาระบายอารมณ์ที่ผู้ป่วย รายนี้น่าเป็นห่วงเพราะดิฉันประเมินภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายซ้ำ case มีแนวโน้มที่จะกระทำอีก และรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต ไม่อยากจะเจอสภาพปัญหาเดิมๆ ซ้ำๆอีก รายนี้ทำร้ายตนเองด้วยการดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไป และเวลานั่งเงียบๆ ก็มักจะร้องไห้ และบ่นน้อยใจตนเอง
สอง case นี้มองการแก้ปัญหาด้วยการหนี หรือไม่เผชิญ หรือทักษะต่อการเผชิญปัญหานั้นน้อยมาก ใน section แรกดิฉันเน้นการให้ mental support จากนั้นร่วมกับการพิจารณาเหตุผลและอารมณ์ที่ case รู้สึกและเผชิญ ว่าอะไรคือ อารมณ์และความคิดที่มีเหตุผลและไร้เหตุผล...และในตอนท้ายดิฉันร่วมใช้กับ Reality approach counseling คือการเผชิญต่อปัญหา...และสอง case นี้ยังคงต้องมารับการบำบัดอีกหลายครั้ง...และใน case ที่สองนั้นแพทย์พิจารณาให้ยาร่วมด้วยกับการทำ psychotherapy และที่สำคัญอาศัยความร่วมมือกับคนในครอบครัว...ให้เฝ้าระวังการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตายซ้ำของผู้ป่วย
มาเยื่ยม...ตามเส้นทางจากวันสารทเดือน 10...
เห็นความสุขุมในการให้คำปรึกษา...ทั้ง 2 กรณีนั้นแล้ว...ชี้แนะ...เรื่องความอยู่รอดของชีวิตที่อยากตาย...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ...ต้องน้ำนิ่ง...ไหลลึกจริง ๆ...ทำให้ผมเห็นกระแสทางโลกนี้...มันรุนแรงจริง ๆ...บางครั้ง...คงต้องหลบเข้าถ้ำ...แห่งสัจธรรมสักพัก...
วันหลังจะเข้ามา Consult case บ้างค่ะ
จาก พยาบาล PCU
สวัสดีคะ....ท่าน umi
ขอบพระคุณมากนะคะที่อาจารย์แวะเวียนมาเยี่ยมบันทึกนี้...ความยากง่ายในการช่วยเหลือ case แต่ละรายจะไม่เหมือนกัน แม้บางครั้งปัญหาจะคล้ายๆ กัน...การช่วยให้ case มองถึง..การมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวังนั้นเราผู้บำบัดต้องใช้พลังแห่งใจร่วมด้วย...เราจะไม่บำบัดเพียงตามหน้าที่เท่านั้น หากแต่เราจะใช้ใจแห่งการช่วยเหลือนี้ตามด้วย...ดังนั้นการที่กะปุ๋ม หรือผู้บำบัดฝึกจิตและคิดเชิงบวกอยู่เสมอจะช่วยเป็นอีกพลังหนึ่ง..ที่จะถักทอและเชื่อมถึง caseหรือใครก็ได้ที่ติดต่อปฏิสัมพันธ์กับเรา...สามารถรับรู้สัมผัสได้แห่งพลังชีวิตนั้น...
กระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง...ต่างๆ ทำให้คนมีความอดทนและเผชิญต่อปัญหาน้อยลง...ดังนั้นใดใดก็ตามที่ช่วยให้เกิดความมั่นคงแห่งจิตและใจ..ได้..น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันไปในทุกๆ ชีวิตที่เรามีโอกาสได้รู้จัก
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
คุณอมรรัตน์คะ...
ยินดีอย่างยิ่งนะคะ...เรามาแลกเปลี่ยนกันนะคะ...กะปุ๋มมองเห็นประโยชน์ที่ก่อเกิดได้อีกมากมายเลยคะ...เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ตามมาต่อผู้ป่วยและผู้มารับบริการจากเรา...
กะปุ๋มแวะไปตามรอยทาง...ไปแวะชมที่ Blog พี่แล้วนะคะ...
ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
อยากถามพี่ Dr. Ka-Poom ค่ะ
ว่ารู้สึกเหนื่อยไหมคะ กับการที่ต้องมานั่งรับฟังปัญหาของคนอื่น มานั่ฟังคนอื่นเขาระบายความรู้สึกออกมา หรือกับการที่ต้องมาทำงานแบบนี้ค่ะ เพราะว่างานลักษณะนี้ต้องใช้ทั้งสมาธิและจิตที่นิ่งมากๆ (เป็นหว่งค่ะ)
ที่ถามเนี่ยก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าจิตตกไปนิดนึงค่ะ เผื่อว่าจะปรึกษาพี่ไงคะ (ยิ้มๆ)
สวัสดีคะน้องไออุ่น...
เวลาที่รับ case พี่ขอใช้คำว่าหมดพลังมากกว่าคะ...ยิ้มๆ...แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือ ความอิ่มใจ...ที่เราได้ร่วมเผชิญและให้เขามองหา..เห็นหนทาง..แห่งทางแก้ปัญหาเขาได้..
จิตตกหากเรารู้..ว่าตก...ก็จงรีบดึงจิตนั้นกลับคืนนะคะ..
มีอะไรคุยกับพี่ได้นะอุ่น...
*^__^*
กะปุ๋ม
คุณคนไกลคะ...
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
Dr.Ka-Poom ครูอ้อยคิดถึงมากค่ะ
ยิ้มๆ...ครูอ้อยขา...ค่ำคืนนี้กะปุ๋มนอนไม่หลับคะ
คิดถึงคุณปู่..สงสารท่านคะ...
เพิ่งกลับมาจากมูลนิธิ...ทราบนะคะว่าตอนนี้ท่านได้หลับสบายแล้ว...ก็นั่งฟังเพลง...ทำงานไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ...เท่ากับเมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา...
....
กะปุ๋มขอเอาใจช่วยครูอ้อยที่รักของกะปุ๋มนะคะ...
เมื่อคืนวานกะปุ๋มก็เร่งส่งงาน...หลับคาโต๊ะทำงานเลยคะ...แต่พองานเสร็จ...สารสุขหลั่งอย่างมีความสุขคะ...
*^__^*
เป็นกำลังใจให้นะคะ
กะปุ๋ม
ครูอ้อยขา...ถ้าอย่างงั้นกะปุ๋มฝากสิ่งนี้ให้เลยนะคะ...
ยามค่ำคืน...ที่ยังไม่หลับใหล...
ก้าวเดินผ่านสิ่งที่รบกวนในจิตใจนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
ตามมาจากบันทึกคุณจ๊อด
ครูอ้อยคะ...
กะปุ๋มเคยเล่าไว้บ้างแล้วในบันทึกไหนนี่แหละจำไม่ได้คะ...เดี๋ยวกะปุ๋มจะเล่าให้ฟังใหม่นะคะ...มีเรื่องสนุกได้เรียนรู้มากเลยคะ...กะปุ๋มตัดสินใจเรียนที่ ม.รามฯ และสละสิทธิ์ ป.เอกที่ คณะพยาบาล มข. นี่เพราะใฝ่ฝันอยากเรียนที่นี่ ทั้งๆ ที่ตอนนั้น...แม่บอกว่าไปเรียนที่ต่างประเทศไหมแต่กะปุ๋มก็ปฏิเสธ เพราะไม่อยากจากเมืองไทย..ไปกลัวสูญเสียห้วงเวลาบางส่วนของชีวิตไปคะ...
กะปุ๋มเป็นรุ่นแรกที่เรียนที่นี่...ได้เรียนกับปรมาจารย์ทางด้านจิตวิทยาเก่งๆ หลายท่าน เช่น ท่าน รศ.ดร.นวลศิริ เปาโลหิตย์ ท่าน รศ.ดร.ศิริบูลย์ สายโกสุม ท่าน รศ.ดร.ลัดดา กิตติวิภาค ลูกศิษย์สายตรงของครู Satir (Satir Model) และมี co-advisor เจ้าพ่อ be-mod (Behavior modicatio)ท่าน รศ.ดร.สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต...และที่สำคัญได้มีโอกาสเรียนวิจัยและร่วมงานในทีมวิจัยกับท่าน ศ.ดร.สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์คะ...รุ่นกะปุ๋มมีสามคนคะ...เสียชีวิตไปแล้วท่านหนึ่ง คือ พี่อุ๊ (อ.นิ่มนวล ศุภกำเนิดคะ) อีกท่านหนึ่ง คือ ท่าน อ.ดร.อุบล เล่งวารีคะ...
ยิ่งสนุกและท้าทายกว่านั้นคือ...การวิ่งเรียนระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง...โดนตำรวจจราจรที่อนุสาวรีย์ชัยฯโบกเตือนหลายครั้งคะโทษฐานที่วิ่งผิดเลนส์บ่อยครั้ง...แหม!! ก็เส้นจราจรท่านเลือนลางเหลือเกินนี่คะ....
เอาพอหอมปากหอมคอก่อนนะคะ
*^__^*
เดี๋ยวกะปุ๋มมาเล่าใหม่นะคะ
กะปุ๋ม
อรุณสวัสดิ์ค่ะ Dr.Ka-Poom
ได้ความรู้และข้อคิดอาไรดีดีจากพี่กะปุ๋มมากมายเลยค่ะขอบคุณมากนะค่ะที่มีcaseอาไรดีๆแบบนี้ในเราได้อ่านและศึกษาค่ะหนูสนใจเรื่องจิตวิทยามากค่ะเพราะเป็นเรื่องที่หนูเรียนอยู่ด้วยหนูเรียนอยู่ที่ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่างๆจาเข้ามาเยี่ยมนะคะ
สวัสดีค่ะ...คุณนฎาประไพ (มะตูม)
....
ดีจค่ะที่ได้แบ่งปัน...สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ...ได้พอเกิดประโยชน์ได้บ้างคะ...
แต่ทุกอย่างไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวนะคะ... และนักบำบัดแต่ละคนก็จะมีแนวทางและกลวิธีที่แตกต่างกันไปตามฐานความคิดความเชื่อ... ของตนเอง แต่ที่ไม่แตกต่างกัน ก็คือ ความคิดความรู้สึกที่อยากช่วยเหลือกัน เพื่อให้เขาพ้นจากความทุกข์และปัญหา...ของตนเองค่ะ...
ขอบคุณค่ะ
(^_____^)
ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ
กะปุ๋ม