ฟร็องซัว ออล็องด์ กับความจริงที่ต้องเผชิญ


ฟร็องซัว ออล็องด์ กับความจริงที่ต้องเผชิญ

21 กุมภาพันธ์ 2013

ชาญชัย

http://www.chanchaivision.com/2013/02/france130221.html

  ประธานาธิบดีฟร็องซัว ออล็องด์ ผู้ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมเมื่อปีที่ผ่านมาเคยให้คำมั่นว่าจะลดการขาดดุลภาครัฐไม่ให้เกินร้อยละ 3 ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) และตั้งเป้าให้จีดีพีปี 2013 เติบโตร้อยละ 1.7 แต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังบริหารประเทศได้ 9 เดือน ประธานาธิบดีออล็องด์ยอมรับว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้จะไม่ถึงเป้าที่กำหนด รัฐมนตรีต่างประเทศโลรองต์ ฟาบิอุส กล่าวว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 0.2-0.3 ส่วนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคมว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสในปี 2013 จะโตร้อยละ 0.4 ดังนั้นมีความเป็นได้สูงว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในปีนี้จะห่างจากเป้าที่ประธานาธิบดีออล็องด์ประกาศไว้อย่างมาก

  นอกจากนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสยอมรับอีกว่าในปี 2013 นี้จะไม่สามารถลดการขาดดุลภาครัฐตามเพดานที่สหภาพยุโรป (อียู) กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 3 ของจีดีพี ข้อมูลล่าสุดยังชี้ว่าประเทศมีผู้ว่างงานร้อยละ 10.6 สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 15 ปี เฉพาะคนวัยหนุ่มสาวตกงานถึงร้อยละ 27

  สภาพที่เศรษฐกิจโตน้อย ขาดดุลมาก อัตราคนว่างงานพุ่งสูง คือความจริงสามข้อแรกที่ประธานาธิบดีออล็องด์ต้องเผชิญ

  กองทุนการเงินระหว่างประเทศให้ข้อแนะนำว่ารัฐบาลจำต้องลดหนี้สิน ลดการขาดดุลในรูปแบบที่เกื้อหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตควบคู่กันไป ทำให้ตลาดเงินมั่นใจว่าประเทศจะสามารถรับมือปัญหาหนี้สาธารณะ สภาพที่ฝรั่งเศสโตน้อยขาดดุลมากจึงก่อให้เกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจะสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้มากน้อยเพียงใด จะเป็นเพียงลมปากอย่างคำมั่นว่าจีดีพีจะโตร้อยละ 1.7 ของประธานาธิบดีออล็องด์หรือไม่

  ความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลง คำมั่นที่ไม่เป็นจริงไม่อาจโทษรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงอ่อนแอจากการที่หลายประเทศในกลุ่มอยู่ระหว่างปรับภาวะการคลังให้สมดุลเป็นอีกเหตุผลที่กระทบเศรษฐกิจฝรั่งเศส

  แต่ประเด็นภายในประเทศคือส่วนที่รัฐบาลไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้

  นอกจากคำแนะนำเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ รักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ กองทุนการเงินระหว่างประเทศชี้ว่าปัญหาใหญ่ของฝรั่งเศสในขณะนี้คือความสามารถการแข่งขันไม่อาจสู้ประเทศคู่แข่ง ถ้าฝรั่งเศสต้องการให้เศรษฐกิจแข็งแรงจำต้องเพิ่มความสามารถการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบ และหากไม่แก้ไขจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต โดยเสนอให้แก้ไขหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการปรับแก้กฎหมายแรงงานให้เอื้อต่อการจ้างและการปลดพนักงานออก และลดภาษีการจ้างแรงงาน (payroll taxes) เพื่อเอื้อให้นายจ้างเพิ่มการจ้างงาน ปรับชั่วโมงการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น จำกัดการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และลดสวัสดิการคนว่างงานเพื่อให้คนอยากหางานทำมากขึ้น

  เหตุที่ไอเอ็มเอฟแนะนำดังกล่าวเนื่องจากผลจากกฎหมายแรงงานก่อปัญหาหลายประการ ทำให้ทุกวันนี้นายจ้างไม่อยากจ้างพนักงานประจำ ร้อยละ 90 ของการจ้างงานปัจจุบันจึงเป็นการทำสัญญาจ้างชั่วคราว มีผู้ทำการสำรวจพบว่าในปี 2012 มีการจ้างงานชั่วคราว 21 ล้านตำแหน่ง ในจำนวนนี้ 14 ล้านตำแหน่งเป็นสัญญาจ้างที่มีอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้น ค่าแรงขั้นต่ำที่สูงยังทำให้นายจ้างหวังจ้างแต่แรงงานที่ทำงานได้จริง ไม่ต้องการเด็กฝึกงาน เป็นเหตุผลหนึ่งทำให้คนวัยหนุ่มสาวตกงานมากถึงร้อยละ 27

  ผู้เชี่ยวชาญบางคนเสนอว่ากุญแจที่จะทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็งและเพิ่มการจ้างงานจำต้องปฏิรูปโครงสร้างแรงงาน หนึ่งในนั้นคือใช้นโยบายแรงงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้สามารถแข่งขันกับตลาดควบคู่กับตอบสนองแรงงาน การปรับเงื่อนไขการทำงานที่เอื้อให้บริษัทอยากจะลงทุนและเพิ่มการจ้างงานลูกจ้างประจำ ความท้าทายของรัฐบาลอยู่ที่ว่าจะสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งอย่างไรที่สอดคล้องลักษณะสังคม

  ในขณะนี้มีความร่วมมือระหว่างสหภาพแรงงานกับรัฐบาลที่จะร่วมแก้กฎหมายแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายของนายจ้างหากนายจ้างต้องการปลดพนักงาน และให้ความมั่นคงแก่ลูกจ้างชั่วคราวมากขึ้น การแก้กฎหมายดังกล่าวน่าจะทำให้สถานการณ์แรงงานดีขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ประกอบการกับลูกจ้างชั่วคราว แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ไขส่วนหนึ่งของปัญหาเท่านั้น

  แนวทางการแก้ปัญหาแรงงานที่ดีที่สุดคือยังเป็นที่ถกเถียงกันมาก มีทั้งผู้เห็นด้วยและผู้ไม่เห็นด้วยกับการปรับแก้โครงสร้างแรงงานอย่างถึงรากถึงโคน แรงต่อสู้ระหว่างฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้านยังแรงทั้งสองฝ่าย รวมทั้งแรงต้านจากภายในพรรคสังคมนิยมของประธานาธิบดีออล็องด์ การปฏิรูประบบแรงงานจึงน่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตอบสนองสถานการณ์เฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ จนกว่าสังคมจะเรียนรู้และตัดสินใจร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาอย่างถึงรากถึงโคน

  ดังนั้น โอกาสที่ฝรั่งเศสจะสามารถรื้อฟื้นความสามารถการแข่งกันกับประเทศคู่แข่งจะไม่เห็นผลในเร็ววัน ผลคือกระทบต่อความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ นี่คือความจริงอีกประการหนึ่งที่ประธานาธิบดีฟร็องซัว ออล็องด์ จะต้องเผชิญ

------------------------------

ฟร็องซัว ออล็องด์ กับความจริงที่ต้องเผชิญ
หมายเลขบันทึก: 520551เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2013 15:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2013 15:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท