สัมผัสที่ต้องการยามเจ็บป่วย ก่อให้เกิดความไว้วางใจกัน


องค์กรจะน่าไว้วางใจ คนในองค์กรต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันก่อน

   บุคลากรของรัฐนั้นผู้เขียนเชื่อว่ามีความสามารถมาก และมือหนึ่งของแต่ละสาขายังคงอยู่ที่โรงพยาบาลของรัฐ และทำงานโดยไม่มีทุนนิยมมาเกี่ยวข้องในสถานที่นี้ แต่ก็ทำให้มีภาระล้นมือเหน็ดเหนื่อยและถดถอยกันไปบ้าง จึงทำให้บางครั้งก็รู้สึกเบื่อๆกับบรรยากาศไปบ้าง
  คนไข้คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชน มีแพทย์แต่ละสาขาเข้ามาดูแล บางคนก็มาดูผลแลบ และไม่ไดสั่งการอะไร เพราะคนไข้ปกตีแล้ว ก็ต้องจ่ายค่าพบแพทย์ไป1,500บาท ซึ่งก็ผิดกับแพทย์ของรัฐจะถามกี่คำถามก็ได้ฟรีหมด แต่หมออาจจะพูดกับคนไข้เพียงเล็กน้อยตามความจำกัดของเวลาเท่านั้นเอง

  และข้อมูลที่เคยได้รับทราบมาว่าคนไข้บางรายที่ต้องใช้การรักษาแบบพิเศษกับมือหนึ่งเครื่องมือถึงนั้น. โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งก็ส่งมาทำการรักษาเฉพาะนั้นที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะที่ป็นโรงพยาบาลศูนย์ แล้วก็กลับไปจ่ายค่าบีริการให้โรงพยาบาลเอกชนต่อไป

  แต่เรื่องทั้งหมดมันก็ชับช้อนเกินกว่าจะเข้าใจ เรามาทำความเข้าใจเรื่องง่ายๆดีกว่า การที่แต่ละองค์กรจะได้รับความไว้วางใจนั้นการบริหารจัดการสำคัญมาก การสร้างสิ่งแวดล้อมให้น่าเชื้อถือศรัทธา ที่สัมผัสได้ด้วยทวารทั้งหกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าเข้ามาปั๊บ เห็นเลยสถานที่สะอาดสะอ้าน น่านั่ง น่านอนบนเตียงตรวจ ที่มีผ้าปูสีสะอาดขึงตึงเปรี๊ยะ ไม่เปลือยเปล่ามีแต่เบาะพลาสติก ที่ดูจะมีคราบบางอย่างของคนก่อนทิ้งเอาไว้ ไม่ว่าจะกำลังหูอื้อ ตาลาย แต่เสียงที่เข้ามาซักถามมันนุ่มนวลชวนตอบเสียจริงๆ อยากจะเล่าเรื่องย้อนหลังไปสักหน่อยก่อนจะมาเชื่อมโยงกับความเจ็บป่วยปัจจุบัน ก็เชิญทำได้ ไม่มีการเบรคหรือโบกไม้โบกมือให้หยุดเล่า. กลิ่นในห้องรอตรวจก็เหมือนได้มีการกรองสรรพเชื้อโรคไปบ้างแล้ว ไม่มีกลิ่นน้ำยาฉุนจัดจนอยากสลบอีกรอบ ไม่มีกลิ่นที่พลอยให้คาดเดาว่าน่าจะเป็นกลิ่นน้ำเลือดน้ำเหลือง ที่ถูกเก็บไว้ใต้ถุงแดงที่รองรับขยะติดเชื้อในห้องนี้ ถ้าจะได้ดื่มน้ำหลังรับประทานยาสักแก้วก็น่าจะเป็นน้ำอุ่นๆ ที่พ่อแม่เคยให้ดื่มแทนน้ำเย็นเวลาไม่สบาย อาจเสริ์ฟน้ำด้วยแก้วที่สะอาดไม่ใช่แก้วกรวยกระดาษ ที่ถือยากและอาจหลุดมือง่าย  และขณะนอนรออะไรก็ตามในห้องแอร์เย็นๆมันหนาวสะท้่นจนอยากได้ผ้าห่มผืนสะอาดมาห่มให้อบอุ่น เหมือนนอนที่บ้านเรา สุดท้ายที่หลายคนอยากสัมผัสมาก ในเจ็บป่วยคือการปฏิบัติกับเรา แม้จะเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวด ก็มีกำลังใจ มีการบอกกล่าวให้ค่อยเป็นค่อยไป ร่วมรับรู้ความทุกข์สุขร่วมกันระหว่างคนให้และคนรับบีิการ 

ที่จริงสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องใช้ทุนอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าถ้าผู้บริหารสถานที่ใดมองเห็นก่อน ก็ย่อมสร้างความเชื่อถือศรัทธาได้ก่อน 

องค์กรจะน่าไว้วางใจ คนในองค์กรต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันก่อน สงสัยต้องอีกบันทึกละค่ะ


หมายเลขบันทึก: 520500เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2013 19:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2013 21:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ตามมาอ่านองค์กรที่น่าไว้วางใจ พี่รุ่งสบายดีไหมครับ

กำลังใจที่ให้แก่คนป่วยสำคัญมากๆเลยนะครับ

ถ้ามองในการพัฒนาองค์กร...เพื่อนร่วมงานของเราก็คือ "ลูกค้าภายใน" เมื่อภายในไว้วางใจกัน...ภายนอกคงไม่ต้องพูดถึง...เหมือนพี่รุ่งเขียนไว้ในบันทึกนี้นะครับ...เป็นมุมมองที่น่าครุ่นคิดมากครับ...ขอบคุณที่ได้อ่านครับ

สวัสดีค่ะคุณอ.ขจิต. ฝอยทอง

คนป่วยคือคนกำลังทุกข์

เป็นการปรามของธรรมชาติ

ที่ทำให้เรายอมรับการดูแลและช่วยเหลือกัน

กำลังใจที่ให้ต่อกันเป็นอันดับแรกเลยค่ะ

และโอกาสนี้ก็เลยทำให้เห็นแนวทางในการปรับปรุงบริการระดับแรกเลยนะคะ

ขอบคุณพี่สบายดีแล้วค่ะ

สวัสดีค่ะคุณทิมดาบ

ต้องขอถามกลับไปเพื่อเป็นความรู้นะคะ

ทำไมคุณทิมดาบยังสามารถดำเนินงานแบบฉบับหมออนามัยได้ดีเยี่ยม

ทั้งที่ภารกิจและสภาพแวดล้อมบีบรัดพอสมควรในยุคนี้

ขอขอบพระคุณเจ้าของดอกไม้ทุกๆท่านนะคะ คงได้มีโอกาสสนทนากันในโอกาสต่อไปค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท