และข้อมูลที่เคยได้รับทราบมาว่าคนไข้บางรายที่ต้องใช้การรักษาแบบพิเศษกับมือหนึ่งเครื่องมือถึงนั้น. โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งก็ส่งมาทำการรักษาเฉพาะนั้นที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะที่ป็นโรงพยาบาลศูนย์ แล้วก็กลับไปจ่ายค่าบีริการให้โรงพยาบาลเอกชนต่อไป แต่เรื่องทั้งหมดมันก็ชับช้อนเกินกว่าจะเข้าใจ เรามาทำความเข้าใจเรื่องง่ายๆดีกว่า การที่แต่ละองค์กรจะได้รับความไว้วางใจนั้นการบริหารจัดการสำคัญมาก การสร้างสิ่งแวดล้อมให้น่าเชื้อถือศรัทธา ที่สัมผัสได้ด้วยทวารทั้งหกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าเข้ามาปั๊บ เห็นเลยสถานที่สะอาดสะอ้าน น่านั่ง น่านอนบนเตียงตรวจ ที่มีผ้าปูสีสะอาดขึงตึงเปรี๊ยะ ไม่เปลือยเปล่ามีแต่เบาะพลาสติก ที่ดูจะมีคราบบางอย่างของคนก่อนทิ้งเอาไว้ ไม่ว่าจะกำลังหูอื้อ ตาลาย แต่เสียงที่เข้ามาซักถามมันนุ่มนวลชวนตอบเสียจริงๆ อยากจะเล่าเรื่องย้อนหลังไปสักหน่อยก่อนจะมาเชื่อมโยงกับความเจ็บป่วยปัจจุบัน ก็เชิญทำได้ ไม่มีการเบรคหรือโบกไม้โบกมือให้หยุดเล่า. กลิ่นในห้องรอตรวจก็เหมือนได้มีการกรองสรรพเชื้อโรคไปบ้างแล้ว ไม่มีกลิ่นน้ำยาฉุนจัดจนอยากสลบอีกรอบ ไม่มีกลิ่นที่พลอยให้คาดเดาว่าน่าจะเป็นกลิ่นน้ำเลือดน้ำเหลือง ที่ถูกเก็บไว้ใต้ถุงแดงที่รองรับขยะติดเชื้อในห้องนี้ ถ้าจะได้ดื่มน้ำหลังรับประทานยาสักแก้วก็น่าจะเป็นน้ำอุ่นๆ ที่พ่อแม่เคยให้ดื่มแทนน้ำเย็นเวลาไม่สบาย อาจเสริ์ฟน้ำด้วยแก้วที่สะอาดไม่ใช่แก้วกรวยกระดาษ ที่ถือยากและอาจหลุดมือง่าย และขณะนอนรออะไรก็ตามในห้องแอร์เย็นๆมันหนาวสะท้่นจนอยากได้ผ้าห่มผืนสะอาดมาห่มให้อบอุ่น เหมือนนอนที่บ้านเรา สุดท้ายที่หลายคนอยากสัมผัสมาก ในเจ็บป่วยคือการปฏิบัติกับเรา แม้จะเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวด ก็มีกำลังใจ มีการบอกกล่าวให้ค่อยเป็นค่อยไป ร่วมรับรู้ความทุกข์สุขร่วมกันระหว่างคนให้และคนรับบีิการ ที่จริงสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องใช้ทุนอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าถ้าผู้บริหารสถานที่ใดมองเห็นก่อน ก็ย่อมสร้างความเชื่อถือศรัทธาได้ก่อน องค์กรจะน่าไว้วางใจ คนในองค์กรต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันก่อน สงสัยต้องอีกบันทึกละค่ะ
ตามมาอ่านองค์กรที่น่าไว้วางใจ พี่รุ่งสบายดีไหมครับ
กำลังใจที่ให้แก่คนป่วยสำคัญมากๆเลยนะครับ
ถ้ามองในการพัฒนาองค์กร...เพื่อนร่วมงานของเราก็คือ "ลูกค้าภายใน" เมื่อภายในไว้วางใจกัน...ภายนอกคงไม่ต้องพูดถึง...เหมือนพี่รุ่งเขียนไว้ในบันทึกนี้นะครับ...เป็นมุมมองที่น่าครุ่นคิดมากครับ...ขอบคุณที่ได้อ่านครับ
สวัสดีค่ะคุณอ.ขจิต. ฝอยทอง
คนป่วยคือคนกำลังทุกข์
เป็นการปรามของธรรมชาติ
ที่ทำให้เรายอมรับการดูแลและช่วยเหลือกัน
กำลังใจที่ให้ต่อกันเป็นอันดับแรกเลยค่ะ
และโอกาสนี้ก็เลยทำให้เห็นแนวทางในการปรับปรุงบริการระดับแรกเลยนะคะ
ขอบคุณพี่สบายดีแล้วค่ะ
สวัสดีค่ะคุณทิมดาบ
ต้องขอถามกลับไปเพื่อเป็นความรู้นะคะ
ทำไมคุณทิมดาบยังสามารถดำเนินงานแบบฉบับหมออนามัยได้ดีเยี่ยม
ทั้งที่ภารกิจและสภาพแวดล้อมบีบรัดพอสมควรในยุคนี้
ขอขอบพระคุณเจ้าของดอกไม้ทุกๆท่านนะคะ คงได้มีโอกาสสนทนากันในโอกาสต่อไปค่ะ