ในฐานะคนของรัฐบางครั้งก็อดคิดเปรียบทียบไม่ได้ว่าทำไมสถานบริการของรัฐต้องเป็นรองกว่าของเอกชนเสมอ แม้แต่สิทธิ์ประกันสังคมที่โรงงานอบู่ใกล้สถานพยาบาลของรัฐเรียกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะหยุดลมหายใจ เขาต้องแวะที่นี่ก่อนแน่ๆแต่ปรากฏว่ารายชื่อสถานบริการที่พนักงานเลือกกลับเป็นของเอกชนทั้งหมด บางแห่งอยู่ไกลจากโรงงานถึง 20กว่ากิโลเมตรก็มีเหลือเชื่อจริงๆ
หรือเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจในองค์กรเอกชนมากว่าของรัฐ
แต่ผู้เขียนก็พบว่าเมื่อรักษาไปได้ชั่วข้ามคืนทำไมส่วนใหญ่ญาติและคนไข้ต่างเริ่มวางแผนจะไปรักษากันต่อที่โรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมากกับการจะต้องใช้เส้นสายหาห้องพิเศษ ให้ได้รักษากับแพทย์ชื่อนั้นๆที่เชื่อว่ามีความสามารถสูง ไม่นานคนไข้ก็จะย้ายออกไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลของรัฐต่อไป
ขบวนการค่านิยมของคนไทยเรานี้ในเรื่องการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย ยังเหมือนเดิมต่อเนื่องมายาวนาน
เอกชนยังเป็นที่นิยม และคนไข้จะคิดถึงก่อนเสมอ แต่ความมั่นใจและเชื่อถือทั้งตัวบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ของรัฐก็ยังอยู่ในใจคนไข้อีกเช่นกัน จึงตัดสินไม่ได้ว่าใครเหนือกว่ากัน
เลยมาลองนึกๆดูว่าทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้นในสังคมไทยเราในปัจจุบัน
หรือจะเป็นเพราะว่าที่เอกชนบริการรวดเร็วทันใจดูเอื้ออาทร จะสอบถามซักประวัติก็ฟังเพลินรื่นหู มีหยุดตอบคำถามประกอบคำประเล้าประโลมเสียจนอยากจะมาฝากชีวิตไว้ที่นี้ในยามเจ็บป่วยครั้งนี้
ส่วนของรัฐนั้นบางครั้งต้องซักประวัติอย่างจริงจังชัดเจนทั้งจะดูความรู้เนื้อรู้ตัวของคนไข้ไปด้วยและอาการสำคัญนั้นต้องออกจากปากคนไข้ให้ได้เพราะต้องรายงานแพทย์เวรอย่างเรียบร้อย บางครั้งถามไปตรวจสัญญาณชีพไปด้วยดูเป็นงานที่เหนื่อยหนักและชั่วประเดี๋ยวก็จะมีคนไข้รายต่อๆไปมาอีก ยิ่งเวรบ่ายดึกคนไข้ที่มาก็อาการหนักมากตามลำดับไปด้วย
มีหลายคำพูดที่กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชน ให้ได้ชื่นใจและเจ็บใจไปด้วย
เขียนบันทึกเดียวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้เนื้อหาสักเท่าไหร่ คงต้องรอบันทึกต่อไปผู้เขียนจได้ใช้พื้นที่gotoknow มาเป็นประโยชน์ต่อวงการสาธารณสุขของตนเองบ้าง เป็นบันทึกลูกทุ่งๆ ตามประสาหมออนามัยนะคะ
ต้องทำการวิจัยหาแก่นแท้ว่าความจริงเป็นอย่างไร และต้องปรับปรุงประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจครับ
เพราะค่านิยมของคนทั่วไป(รวมทั้งผม)มีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆครับ
และควรจะแก้ไขมานานแล้ว ครับ
สวัสดีคะ่คุณหมอ ป
วงการสาธารณสุขของรัฐยังขาดความเชื่อมโยงกันเอง
ในสถานบริการเดียวกันก็ยังรู้สึกว่าต่างคนต่างทำต่างคิด
รูปแบบขององค์กรก็เลยออกมาแปลกๆ
การบริหารองค์กรต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์
และกล้าเปลี่ยนแปลงในทางเจริญด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะคุณเครื่องหมาย?คำถามเดี่ยว
ที่จริงเราก็มองเห็นจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทุกคน
เอกชนบริการดีแต่แพงไปหน่อย
รัฐเก่งแต่ก็ฝ่าด่านไปถึงคนเก่งยากคือไม่สามารถพบได้ทันที
ดังนั้นหลายคนจึงไปตั้งหลักที่เอกชนก่อน
แ่ในส่วนตัวนั้นคิกว่าถ้าสถานบริการด่านหน้า
เช่นสถานีอนามัยเจ๋งพอ่ให้คำปรึกษาได้เยี่ยมและสามารถส่งต่อได้อย่างมีปรสิทธิภาพ
โรงพยาบาลใหญ่ก็ยอมรับระบบส่งต่อของเครือข่าย
อย่างนี้ประชาชนจะตัดสินใจเลือกเอง
พูดจากประสบการณ์ค่ะ แต่เป็นเรื่องจริงที่รอการพัฒนา