เมื่อครั้งครูอ้อยยังเป็นเด็ก เวลาพบรัก หมายถึงชอบใครสักคนหนึ่ง เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของเขา และเขาก็มีใจให้ ครูอ้อยก็คิดแล้วว่า นี่คือใช่ ใช่คนที่เรารัก กี่ครั้งกีี่หน ก็เิกิดการแคล้วคลาดถึงแม้ว่าเราจะต่างฝ่ายต่างรักกันอย่างมากมายก็ตาม
ผู้ใหญ่มัจะบอกกับครูอ้อยว่า ยังไม่ถึงเวลา ครูอ้อยยังเล็ก ยังเด็กมากเกินกว่าจะมีความรัก ในเวลานั้น ครูอ้อยยังไม่เข้าใจเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ได้บอกไว้ว่ายังเล็ก ทั้งๆที่ครูอ้อยเรียนจบแล้ว มีงานทำแล้ว กลับมองคุณค่าของความรักเหนือสิ่งอื่นใด คิดว่านี่คือใช่ หนักแน่นกับความรัก มั่นคงกับความรักที่ให้กับเขา แต่แล้วครูอ้อยก็พ่ายแพ้ต่อเกมความรักด้วยเขาไม่ได้รักครูอ้อยเลย เพียงแต่เอาครูอ้อยเป็นเครื่องต่อรองกับเพื่อนๆเท่านั้น
จนมาถึงทุกวันนี้ ความผิดพลาดจากการมองมุมของความรักได้เปลี่ยนไป ประสบการณ์ในเรื่องของความรักล้ำค่ายิ่งนัก ที่ทำให้ครูอ้อยเกิดการพัฒนาในเรื่องของความรักได้อย่างชัดเจน ความมีเหตุผลเกิดขึ้นมาก่อน โดยไม่ให้ความรู้สึกออกมามีบทบาท ครูอ้อยเริ่มมองความรักจากสิ่งที่มองเห็น โดยไม่ให้ใจแห่งความปรารถนาออกมีบทบาท สังคมเป็นเพียงบริบทรอบข้างเท่านั้น ตัวเราเองต้องยืนหยัดอยู่ในสังคม มีภูิมิคุ้มกันที่ทำให้รักของเรามั่นคง ไม่สั่นคลอนไปกับเสียงของสังคม
คุณพ่อคุณแม่บอกว่า เมื่อถึงเวลา ความรักก็จะมาหาเราเอง นี่เป็นโจทย์ที่ท่านได้หยิบให้ตั้งแต่อายุ 21ปี กับที่เดินทางมาพบรักนี้ ในเมืออายุได้ 34ปี หากครูอ้อยเลือกได้ หมุนเวลากลับไป ไม่หลงระเริงไปคำพูดของคน ไม่ตกเป็นเหยื่อของเกมความรัก ครูอ้อยอาจจะพบกับความรักที่สุขสมบูรณ์ ด้วยอายุที่มากและมีความฉลาดหลักแหลมกับเกมความรัก
ชะตาชีวิตเขาได้ขีดเส้นชีวิตในเรื่องของความรักมาแล้ว อย่าได้ใจร้อนกับความรัก เชื่อได้เลยกับธรรมชาติที่สมดุลย์ที่ีมีให้กับทุกคน ทุกคู่ เมื่อถึงเวลา ความรักจะเบ่งบาน พร้อมเสมอ โดยไม่มีอุปสรรคใดใดจะมากั้นกางได้
....
ขอบคุณมากค่ะ น้อง ภูสุภา
ความรักมุมมองครูอ้อยดูสุขุมรอบคอบดีจังนะคะ
มาส่งกำลังใจให้ครูอ้อยด้วยความรักและระลึกถึง
อยากให้เด็กนักเรียนที่ตบกันในคลิปตามข่าวได้อ่านบทความของครูอ้อยจังค่ะ
ขอบคุณพี่ Preeda มากๆค่ะ
ขอบคุณ น้อง kunrapee มากๆค่ะ
ดีใจด้วยที่ครูอ้อยได้พบรักแล้วและเป็นรักแท้ที่ยั่งยืน....