เมื่อก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล ตอนต่อจากส่งท้ายปีเก่าด้วยน้ำตา


ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยกลัวอะไร ไม่เคยกลัวใคร แต่คราวนี้ฉันกลัวและกลัวมากที่สุด กลัวที่จะต้องเสียเธอไป อย่างไม่วันกลับ

             สิ่งแรกที่ฉันได้สัมผัสตัวเธอ  คือดูบาดแผล ว่าเข้าส่วนใด  โชคดีที่ฉันยังพอมีสติเอาชายเสื้อยืดของเธอกดห้ามเลือด เลือดไหลมากคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดเพิ่มขึ้น  ปากก็ตะโกนให้น้องชายรีบถอยรถมาไวๆ ฉันกึ่งลากกึ่งประคอง มือนึง กดแผลห้ามเลือด อีกมือ ประคองที่คอเธอ  และคอยเป่าปากให้เธอ                 การปฐมพยาบาลทำเท่าที่คิดได้ ณ เวลานั้น  โชคดีที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาไม่น่าเกินห้านาทีในการเดินทาง และเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีความพร้อมรองมาจากศิริราชเลยที่เดียว หลังจากทีมพยาบาลได้ช่วยกู้สัญญาณชีพ และเตรียมห้องผ่าตัด แพทย์เวรบอกได้แค่ว่าโอกาสรอดมีไม่ถึง 20% แต่ที่รักของฉันยังรู้สึกตัวตลอดเวลาที่อยู่ห้องฉุกเฉิน  ที่รักยังห่วงลูก ห่วงแม่แหม่ม ห่วงแม่แอน ฝากขอโทษแม่แอนที่ไม่ได้พาไปเที่ยวเขาใหญ่อย่างที่แพลนกันเอาไว้  พอถึงมือหมอ สติฉันกับกระเจิง ฉันเอาแต่ร้องไห้ สลับกับเป็นลม  จนไม่ยอมที่จะให้หมอทำแผลที่ฉันโดนทำร้าย เจ็บจนลืมเจ็บ คิดอย่างเดียวว่า กลัวเธอจะทิ้งฉันกับลูก  กลัวเธอจะไม่รักษาสัญญาว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งฉันไปไหน  ประโยคเดียวที่จำได้คือ ป๋ออย่าทิ้งจินะ  ป๋อสัญญากับจิแล้วว่าจะไม่ทิ้งจิไง 

               บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่รักขึ้นห้องผ่าตัด ตอนนั้นประมาณ เที่ยงคืนกว่า  ฉันนั่งภาวนา ขอบุญกุศลที่ฉันได้ทำดีส่งผลให้ที่รักปลอดภัย  อากาศหน้าห้องผ่าตัดเ็นเข้าไปถึงในใจฉัน  เสื้อผ้าฉันชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ ฉันร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อนในชีวิต  ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยกลัวอะไร ไม่เคยกลัวใคร  แต่คราวนี้ฉันกลัวและกลัวมากที่สุด กลัวที่จะต้องเสียเธอไป อย่างไม่วันกลับ เวลาผ่านไปห้าชั่วโมง อย่างน้อยมันทำให้ฉันอุ่นใจได้ว่าฉันไม่เสียเธอไปแน่ๆ กับเวลาที่หมอผ่าตัดนานขนาดนี้  หมอช่วยเธอได้แล้วใช่ไหม ?  ที่รักของฉัน หลังจากที่หมอผ่าตัดเสร็จและบอกว่าตอนนี้เธอปลอดถัยแล้วประมาณ 80 %แต่ที่รักต้องอยู่ ไอ.ซี.ยู เพื่อสังเกตอาการหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด

              30 ธ.ค  55  เริ่มต้นคืนแรกของฉันในโรงพยาบาล  ด้วยเพราะเธออยู่ไอ.ซี.ยู  จึงไม่สามารถที่จะเฝ้าข้างๆเตียงเธอได้  ไม่เป็นไรขอแค่ได้อยู่ภายในโรงพยาบาลแค่นั้นก็พอ คืนแรกฉันขออนุญาตคุณหมอเจ้าของไข้  ขอฉันงีบหลับในห้องรอเยี่ยมได้ไหม  อยากอยู่ใกล้ๆเธอ  คุณหมอตอบรับคำขอและบอกพยาบาลไม่ต้องล๊อคห้อง และอนุญาตให้ฉันอยู่ได้    คงเป็นเพราะอาการการเธอโคม่า คุณหมอและพยาบาล ไอ.ซี.ยู คงเห็นใจฉัน   นางพยาบาลท่านหนึ่งบอกฉันว่า กลางคืนพี่อยากเข้ามาดูอาการแฟนพี่ก็ได้นะคะ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปในห้อง  เพียงประโยคๆนี้ฉันร้องไห้ด้วยความดีใจในน้ำใจของน้องๆพยาบาล   แค่ได้เห็นห่างๆ ได้มอง สัญญาณชีพของเธอว่าเป็นยังไง ความดันยังดีอยู่ไหม การหายใจเป็นยังไง หัวใจเต้นเป็นปกติใช่ไหม  เพื่อให้ฉันได้อุ่นใจขึ้นบ้าง   

              31 ธ.ค 55  วันนี้การหายใจเธอดีขึ้น  ความดันอยู่ในเกณฑ์ไม่น่ากังวล  เธอเริ่มรู้สึกตัว  รับรู้ว่าฉันพูดอะไร ตอบสนองโดยการกระพริบตาบ้าง หลับตาบ้าง  กระดิกนิ้วบ้าง เวลาที่ฉันถามอะไร แต่ก็ได้สองถึงสามคำถาม แค่นั้นมันก้อทำให้เธอเหนื่อยเหมือนเธอจะขาดใจ   ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าอาการเหนื่อยนั้นมันส่งผลเสียต่อร่างกายเธอ  เมื่อน้องพยาบาลชี้แจงให้ฟัง ฉันเลยเปลี่ยนจากการชวนคุย มาเป็นนั่งกุมมือและมองหน้าเธอ  คืนนี้ฉันจะเริ่มตั้งสติ เลิกนั่งร้องไห้กลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ไปเป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจากอาวุธปืน   เี่ยวกับไตที่เหลืออยู่ข้างเดียวของเธอ  เรื่องของม้ามที่เธอตัดทิ้งไป  กระสุนที่ยังอยู่ในตัวเธอกว่า 50 เม็ด  การติดเชื้อและโรคแทรกซ้อนต่างๆ  รวมถึงภาวะที่ปอดช้ำจากกระสุนปืน  ที่รัก..ฉันขอกลับบ้านไปเตรียมของใช้ของฉันและก่อนนะ สัญญาว่าจะไม่ไปนานเกินครึ่งชั่วโมง



หมายเลขบันทึก: 519006เขียนเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2013 03:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2013 20:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท