เรื่องสั้น2556


  หลังจากเลิกเรียน
นักศึกษามักจะร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ วันนี้ก็เช่นกัน
มีการเสนอแนะความคิดเห็นที่หน้าเวที แต่ว่าระหว่างเวทีกับที่นั่งมันไกลกันมาก
จึงไม่ค่อยมีใครจะนั่งเก้าอี้มีแต่คนมาคอยฟังการแสดงความคิดเห็นกันใกล้ ๆ เวที
ถึงแม้จะต้องนั่งพื้นก็ตาม ครั้งนี้เป็นการเจอกันครั้งแรก ๆ
จึงทำให้บางคนจึงยังไม่รู้จักกันทั้งหมด
จึงมีคนเสนอว่าอยากให้ทุกคนได้โชว์ตัวที่เวทีและแนะนำตัว
รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนในห้องประชุมจำนวน 160
คนจะเห็นด้วยกันทั้งหมด
 
นักศึกษาในห้องก็เริ่มทยอยขึ้นพูดโดยตกลงกันว่าให้เรียงลำดับตามเลขที่
ซึ่งชื่อจริงของเจก็อยู่ลำดับต้น ๆ ของห้อง เจซึ่งเป็นคนไม่กล้าแสดงออกอยู่แล้ว
ยิ่งกังวลมาก แถมตั้งแต่คนแรกได้ขึ้นบนเวที ก็มีเสียงแซวตลอด เจเองยังรู้สึกสนุกไปด้วย
แต่พอใกล้ถึงคิวตัวเองเจก็เริ่มจะหัวเราะไม่ออกเพราะอาการตื่นเต้น มือไม้สั่น
หายใจถี่ขึ้น ปากสั่น
ถ้าเจเห็นปากตัวเองตอนนี้ก็คงจะตกใจเพราะว่าปากเจตอนนี้ซีดมาก พอมีคนเรียกชื่อเจเท่านั้น
ทุกคนต่างเงียบ หรือเป็นเพราะว่าเจตื่นเต้นจนไม่ได้ยินเสียงใครทั้งสิ้น
แต่ว่าเจไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ในขณะที่เจก้าวเท้าขึ้นเวทีแต่ละก้าว
เจได้ยินเสียงแล้ว เจได้ยินคนพูดว่า ใครไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
(ก็ฉันไม่ค่อยร่วมกิจกรรมไง-เจตอบในใจ) บางก็บอกว่า อ๋อคนนี้เองหรอเจ
เห็นเขาพูดถึงกันบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเห็นหน้า (ใครมาคุยเรื่องของฉัน
คงเป็นปอแน่เลยเพราะฉันสนิทแค่คนเดียว-เจคิดในใจ) ตอนที่เจยืนนิ่งแล้วหันมาทางเพื่อน
ๆ มีแต่คนมองมาทางเจ รอให้เจพูด เจก็แนะนำตัวเอง และแสดงความคิดเห็นไป สักพักก็เริ่มมีเสียงคุยกันกลบเสียงของเจที่กำลังพูดอยู่
จนมีเพื่อนบางคนพูดขึ้นกลางวงว่า
“เฮ้ย พวกมึงเงียบ ๆ หน่อยซิวะ
เขากำลังพูดอยู่”  หลังจากนั้นเสียงที่ดังอยู่ก็เงียบลงทันที
ห้องกลับมาเหมือนตอนที่เจกำลังก้าวขึ้นเวทีเลย แต่ว่าเจหันไปมองคนที่บอกให้เพื่อน
ๆ หยุดพูด แล้วเจก็ใจสั่น แล้วก็ร้องไห้ออกมาทันที เจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
และเจจะทำตัวต่อไปอย่างไรดี ตอนนี้เจรู้สึกอายมาก พอก้าวขาได้
จึงวิ่งออกจากห้องทันที เจวิ่งออกมาจากห้องเรียน ร้องไห้ไปด้วย
และก็เอามือปาดน้ำตาไปด้วย พอวิ่งผ่านคนก็มีคนมอง และก็ซุบซิบกัน พอเจมาถึงหอพักยื่นบัตรให้แม่บ้านดู
และวิ่งขึ้นบันไดไปชั้น 2
ระหว่างที่เจกึ่งเดินกึ่งวิ่งที่โถงทางเดินไปห้องพักของ

  หน้า2

ตัวเองซึ่งอยู่เกือบสุดทาง
แต่ก็ไม่ถึงห้องน้ำ หอพักนี้จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่ปีกทั้งสองข้างของตึก
เจได้ยินเสียงคนวิ่งตามมา เจหันหลังไปมองเห็นเขาวิ่งตามมา และพอเขาวิ่งมาถึงเจ
เขาก็ถามเจว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามพร้อมหายใจหอบ “ไม่ได้เป็นอะไร” เจตอบพร้อมกับเช็ดน้ำตาไปด้วย “ก็เห็นร้องไห้อยู่นี่ไง
ยังจะบอกไม่เป็นไรอีก” เขาพยายามเข้ามาใกล้
เจพยายามถอยห่างออกไป จนมีคนวิ่งมาผ่านกลางระหว่างเจและเขา เพื่อจะลงจากหอพัก
แต่ความที่ทั้งสองคนไม่ทันที่จะหลีกทางให้
ประกอบกับอีกฝ่ายรีบทำให้กระเป๋าที่เขาสะพายอยู่มาโดนตัวเจอย่างแรงทำให้เจล้มลง
เขาก็ย่อลงมาถามเจว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” และหันไปว่าคนที่ชนเจล้มว่า “ระวังหน่อยซิ” คนที่ชนที่วิ่งอยู่ก็หันมาตอบว่า “ขอโทษ ขอโทษ รีบหนะ” และก็หันกลับไปวิ่งต่อ ลงบันไดหอพักไป ในขณะที่เจกำลังจะพยุงตัวลุกขึ้น
เขาก็หันหน้ากลับมาพอดีทำให้หน้าทั้งสองชนกันแรงเหมือนกัน “เอ่อ เจ็บหรือเปล่า” เขาถาม และก็ยิ้มมาที่เจ “ไม่”
และเจก็วิ่งกลับเข้าหอพัก ล็อกห้อง และก็ไปที่เตียง คุมโปง นอนร้องไห้
คิดถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงเจมาได้ถึงเพียงนี้ แต่เจเองนั่นแหละที่เป็นคนที่มีนิสัยที่ไม่ดีเอง
พ่อแม่เลี้ยงเจดีมากเลย 
เจคิดถึงพ่อแม่ทีไรก็ร้องไห้นานทุกที ปวดหัวก็หลับไปเอง
พอรุ่นพี่ที่อยู่ห้องเดียวกันเข้ามาในห้อง เจก็ตื่น รุ่นพี่ก็ทักทาย และถามว่าเจเป็นอะไรหรือเปล่า
เห็นว่านอนเร็ว ทุกทีเข้ามาก็จะเจอว่าเจอ่านหนังสือจนดึกทุกที
เจก็ตอบไปว่าไม่เป็นไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย และก็พยายามนอนต่อ
รุ่นพี่ก็ถามว่าทานยาหรือยัง เจก็บอกว่าทานแล้ว แต่ความจริง
เจยังไม่ได้ทานข้าวและยังไม่ได้ทานยา เจไม่อยากกินอะไรเลย และพยายามนอนให้หลับเพื่อพรุ้งนี้จะได้ไปเรียนได้แต่เช้า
เพราะเริ่มเรียน แปดโมงเช้าแถมยังต้องเข้าก่อนเวลาอีก และต้องไปทานเข้าก่อนอีก

  ตอนเช้าเจตื่นนอนก็เตรียมออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ
พบว่าเขามารออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว เขาทักเจว่า
“สวัสดี” เจก็ทักตอบไปว่า “สวัสดี”
และเดินไปห้องน้ำ เขาเดินตามมาและก็ถามเจว่า “เรามีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย
แป๊บนึงจะได้ไหม”  เจหยุดเดินและถามเขาว่า “เรื่องอะไรหรอ” 
และเขาก็เดินกวักมือให้เจเดินตามไป เขาเดินนำไปสุดปีกของตึกเป็นระเบียง
พอเจเดินตามไปหยุดที่ระเบียง เจก็มองไปข้างล่าง ก็เห็นนักศึกษาเดินกันกวักไกว่มี
 
หน้า 3

คนที่ตื่นเช้ากว่าเจมากมาย
เจคิดในใจว่าสังคมปัจจุบัน เป็นสังคมของการเร่งรีบ เป็นสังคมของการแข่งขัน
ต้องอยู่ในสังคมที่มีคนต้องการเอาชนะ และเป็นสังคมที่มีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้นเลย

  ในขณะที่เจกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ
อยู่นั้น เขาก็ถามขึ้นมาว่า
“เจคิดอะไรอยู่”

เจหันไปมองเขา
และถามเขาว่า “รู้จักชื่อเราด้วยหรอ”

และเขาก็ยิ้มและตอบว่า “ก็เรามองอยู่”

เจก็รีบถามไปว่า
“ทำไมต้องมองเราขนาดนั้น” เจคิดไปถึงสายตาของเขาเมื่อวาน
เป็นสายตาที่ดึงดูดมากเลย มันทำให้หัวใจของเจเต้นแรง และ เร็ว ขึ้นมาโดยฉับพลัน
เหมือนเป็นสิ่งบ่งบอกว่า เขามีพลังที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเจต่อไปจากนี้

เขาก็ยิ้มอีกและก็บอกว่า
“ตั้งแต่ตอนมาสัมภาษณ์แล้ว
เราชื่อต่อจากเจหนะ”

“หรอเราไม่ได้สังเกตเลย
ได้แต่ดีใจว่า ดีจังที่สอบเข้าได้ 
และก็มาคนเดียว พอสัมภาษณ์เสร็จก็........

“ก็แอบไปร้องไห้เสียงดังที่บันไดหนีไฟ
และชะโงกหน้าออกไปที่หน้าต่าง ให้น้ำตาหยดลงไปข้างล่าง” เขาบอก

เจหันหน้ามามองเขา

“ไม่ต้องสงสัยว่ารู้ได้ยังไง
ก็เสียงร้องดังซะขนาดนั้น”

“หรอ
ทำยังไงดีไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองจะร้องไห้เสียงดัง ขนาดชะโงกหน้าออกไปที่หน้าต่าง
ไม่อยากให้เสียงมันเข้ามาในตึก ให้เสียงมันออกไปข้างนอก อายจังเลย”

“ขนาดกรรมการยังถามเราเลยว่า
กลัวหรอ เห็นคนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าร้องไห้
แต่กรรมการก็กังวลเรื่องที่เจร้องไห้อยู่นะว่า
เจจะทำร้ายตัวเองจนกระโดตึกหรือเปล่า”

“บ้าหรอ แต่แปลกนะ
ไม่มีความคิดนี้อยู่ในสมองตอนนั้นเลย แค่กรรมการเยอะมาก ถามเราเรื่องส่วนตัวเช่น
มีคนมาชอบเราหรือเปล่า แล้วไปชอบใครบ้างไหม อะไรประมานนั้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องถามด้วย
เหมือนอยู่ในภาวะกดดัน แต่กรรมการก็ไม่ได้ซีเรียสเลย บางคนก็อายุมากแล้ว
และกำลังกินขนมเค้กด้วย มีเศษขนมเค้กตกลงจากปาก ยังจำได้เลย
เขาก็คุยและหัวเราะกันสนุกสนาน
แต่ความที่เราเป็นคนที่ขี้อายและไม่อยากบอกความเป็นตัวเองของเรา

  หน้า4

ไปหนะ
ก็เลยหนักใจ แต่พอวันแรกที่มีการรายงานตัว
อ.ที่สัมภาษณ์คนหนึ่งก็เข้ามาคุยและก็ทักเราว่า อ้าว ตกลงมาเรียนหรอ นึกว่ากลัวจนไม่กล้ามาเรียนแล้ว
อุ้ยดูซิทำไมตัวเองต้องพูดเรื่องตัวเองให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน
ซะมากมายขนาดนี้นะ ไม่ดีเลย”

“ไม่หรอกเราอยู่คณะเดียวกัน
เป็นคนอื่นที่ไหน เราชื่อไผ่นะ ชื่อจริงก็ต่อกันนั่นแหละ
แต่ว่าไม่ได้อยู่กลุ่มแล็บเดียวกันเลย เพราะว่าอ.จับผู้ชายให้ไปอยู่กับผู้หญิงบ้าง
เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงอยู่กลุ่มเดียวกันหมด
เพราะว่าผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายนั่นเอง” เขาแนะนำตัว

“แล้วเรื่องที่อยากจะคุย” เจถาม

“อ๋อ เรามาคบกันไหม”

“.......ไผ่เป็นประเภทที่ชอบผู้ชายด้วยกันหรอ” เจถาม

“ไม่ ๆ ชอบผู้หญิง”

“อ้าวแล้ว”

“แล้วเจ เป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ”เขาถาม

“อือ ๆ”เจตอบ

เขายิ้มแล้วเขาก็เดินจากไป
เจมองด้านหลังของเขา ข้างหลังของเขาก็เป็นข้างหลังของคน คนหนึ่งที่เหมือนกับคนอื่น
ๆ แต่ก็แตกต่างกันแค่ชุดเสื้อผ้าที่ใส่ และจิตวิญญาณของคนที่มีลักษณะอีกแบบหนึ่งของคนที่อยู่ร่วมในสังคม
คนหนึ่งที่มีความแตกต่างหลากหลาย

  เจเข้าห้องเรียนช้าไปนิดหน่อยไม่เกินสิบนาที
อาจารย์เริ่มสอนแล้วเจเดินเข้าห้องประชุมด้านหลังผ่านหน้าอาจารย์ท่านอื่นๆ
ที่เข้ามาฟังการบรรยายด้วย และมีกลุ่มผู้ชายนั่งด้านหลังด้วย
พอเจเดินผ่านได้ยินเสียงมีคนพูดซุบซิบกันด้วย เจคิดว่าคงจะถูกนินทาแน่
หรือว่าเดินไปบังเขานะก็พวกเขากำลังตั้งใจเรียนกันอยู่ เจเดินข้าง ๆ
หอประชุมเดินลงบันไดไปหน้าหอประชุมเพราะเป็นที่ประจำมีปอนั่งตั้งใจเรียนอยู่

  ตอนเลิกเรียนเจก็ไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ
ไม่มีคนพูดเรื่องของเมื่อวานขึ้นเลย เจอึดอัดจึงถามขึ้นก่อนว่า

“เมื่อวาน........”

“เออ
ก็กำลังจะถามอยู่พอดีว่า ตอนเย็นทำไมไม่รับโทรศัพท์” 
หน้า 5

“ก็นอนหลับไปแล้ว”

“ก็คิดว่า คงจะอย่างนั้นแหละ”

“แล้วตอนที่เราออกจากการประชุมไปแล้ว
มีคนพูดเกี่ยวกับเราว่าอย่างไรบ้าง”

“ก็ไม่เห็นมีคนพูดว่าอะไรนี่
เขาก็คงเข้าใจแกแหละ”

เจได้ฟังปอพูดก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปมาก
ๆ เลย เพราะเจนึกว่าคนอื่นจะมองเจไม่ดี แต่ทุกคนเขาเข้าใจเจมากกว่าตัวเจเองซะอีก

  ตอนบ่ายก็เข้าเรียนปกติ
เลิกเรียนเจก็กลับหอพัก ความจริงเขามีประชุมกิจกรรมต่อแต่เจบอกปอให้ฝากบอกเพื่อน ๆ
ด้วยว่าปวดหัว พอถึงหอเจก็อาบน้ำแต่งชุดนอนเลย
นอนไม่หลับก็หยิบเอกสารประกอบการสอนวันนี้มาอ่าน สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เจคิดในใจว่าถ้าเป็นพี่ ๆ ก็คงไม่เคาะประตูหรอก แต่เจก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคนอื่น
พอลุกไปเปิดประตูก็เห็นไผ่ยืนยิ้มอยู่

เจถามว่า
“มีอะไรหรอ”

“บังเอิญวันนี้เรามีแข่งฟุตบอล” ไผ่บอก

“แต่ว่าเราไม่อยากออกไปไหน
เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และปวดหัว อยากนอนแล้ว” เจบอก

“ปอบอกแล้วละ
งั้นก็ไม่เป็นไร เราไปก่อนนะ” แล้วเขาก็เดินไป
เจปิดประตูและก็เข้ามานอนสักพัก ก็มีเสียงมือถือมา เจกดรับ

“ว่าไงปอ” 
เจรู้เพราะว่ามีเบอร์โชว์อยู่

“แกอยู่ไหน"

“กำลังจะหลับ”

“เอ้านึกว่าออกไปข้างนอก
ก็เห็นว่ามีผู้ชายมาถามหา”

“อือ แต่ว่าไม่ไป
ไม่อยากไป”

“แต่ว่าไม่ได้นะ
เขามาชวนซะขนาดนั้นแล้ว เหมือนเราไม่มีน้ำใจ ไม่ใยดี”

“แต่ว่าเราอยู่ในภาวะที่ไม่อยากไปไหน
ไม่อยากทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะว่าเรามีหนังสือมากมายต้องอ่าน
เรายังอ่านหนังสือไม่ทันเลย”

“ฉันว่าแกแบ่งเวลาไม่เป็นต่างหาก” 
หน้า6

“ถ้าฉันจะไปเป็นเพื่อนละ”

“หรอ แต่ว่า.....”

สุดท้ายเจก็ทนความเป็นเพื่อนที่แสนดีไม่ไหวไปนั่งอยู่ข้างสนามฟุตบอลเห็นไผ่เล่นอยู่
เจรู้สึกว่าไผ่จะเห็นเจแล้ว พอเริ่มมืดเจ้าหน้าที่ก็เปิดไฟที่สนามให้

“เจเดี๋ยวฉันไปทำธุระก่อนนะ”

“อือ ๆ”
เจไม่ได้วางตาจากเอกสารประกอบการสอนตรงหน้า สักพักก็มีคนตะโกนบอกให้เก็บลูกบอลให้
เพราะลูกบอลวิ่งมาทางเจ เจเงยหน้ามองลูกบอลเห็นมันวิ่งมาใกล้
ก็เลยวางเอกสารลงกับโต๊ะและวิ่งไปเก็บลูกบอลและโยนไผ่ ไผ่เอาเท้ารับลูกและกำลังจะหันไป
เขาก็บอกเจว่า

“เจ เอกสาร”

พอเจหันไปเห็นเอกสารก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะ
แต่ว่ากว่าจะกลับไปที่โต๊ะเอกสารก็ปลิวไปคนละทิศละทาง ด้วยแรงลม
มีเอกสารปลิวไปในสนามทำให้ไผ่ก็ต้องช่วยเจเก็บเอกสารจนวุ่น

“เฮ้ย เลิกเล่น ๆ
เสียอารมณ์” มีคนพูดขึ้นมา และทุกคนก็เห็นด้วย
ต่างเดินไปที่โต๊ะว่างกระเป๋ากีฬาและก็เดินกันไป
ในขณะที่เจและไผ่กำลังช่วยกันเก็บเอกสารกันอยู่เลย

“หมดแล้วนะเจ
ลองเรียงหน้าดูซิครบหรือเปล่า” ไผ่ถาม

“............” เจ ไม่ตอบ ได้แต่นั่งร้องไห้ น้ำตาซึม

“มีอะไรหรอเจ”

“...........”เจ ร้องไห้อยู่

“เจร้องไห้อีกแล้วนะ”

“ไผ่เป็นเกย์
ไผ่ไม่ได้เป็นผู้ชายซักหน่อย ก็ดูซิ ผู้ชายคนอื่น ๆ เขาไม่เห็นจะช่วยเก็บเลย
มีแต่ไผ่คนเดียว ไม่อายหรอ ไม่กลัวเขาว่าเป็นเกย์หรอ”

“ไม่
อย่าไปสนใจพวกมันเลย”

“แต่เราสนใจหนิ
เราเป็นห่วง กลัวว่าไผ่จะเสียชื่อ เราอย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยนะ”

“เป็นอะไรเราเพิ่งจะ......ไม่ซิรู้สึกว่า
อยากเข้ามาดูแลไง จึงทำแบบนี้ 
พอเข้ามาก็มาทำเป็นหาเหตุผลต่าง ๆ มากมาย ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
 
หน้า 7

“และเราก็ไม่สามารถให้อะไรไผ่ได้เลย”

“อะไรนั่นคืออะไร”

“ก็เรื่องเซ็กซ์ไง
ก็เขาบอกว่า ความรักของผู้ชายก็คือเซ็กซ์”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว ไม่นะ
ไม่ทุกคนหรอก” ไผ่ยิ้ม
หลังจากวันนั้นก็มีการเรียนที่หนักขึ้นมีการแบ่งกลุ่มที่ไม่เจอกันเลยระหว่างไผ่กับเจ
และออกไปฝึกงานต่างจังหวัด ขนาดปอก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเจ
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เจอยากคุยกับปอมาก ๆ เลย จึงอดไม่ได้ที่จะไม่โทรไปหาปอ

“ปอฉันขอโทษที่โทรมารบกวนแก”

“ไม่นี่
เห็นแกไม่โทรหานึกว่าแกยุ่ง ๆ อยู่”

“แก
ฉันได้ไปออกหน่วยแล้วเจอคุณป้าคนหนึ่ง ทำไมไม่รู้ เรารู้สึกว่าเราถูกชะตามากเลย”

“ยังไงหรอ” ปอถาม

“มันเหมือนมีเซนต์หนะ
พอถามมาถามไป อ้าวเป็นคนที่ซื้อบ้านเรานะซิ”

“ยังไงหรอ” ปอถาม

“คือ อย่างงี้นะ
ตอนเด็ก ๆ บ้านเราประสบปัญหาทางการเงิน ก็เลยขายบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก
คิดว่ามาออกหน่วยแถวนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรมาก เคยอยู่มาแต่ก็เด็กมาก
ตอนนี้ถ้าคนแถวนี้เห็นก็คงจำเราไม่ได้หรอก
และก็ไม่คิดว่าบ้านที่อยู่นี้มันจะยังอยู่เหมือนเดิม”

“อือ ๆ” ปอแสดงความสนใจ

“แล้ว พอเลิกงาน
เราก็ขอไปส่งบ้าน สภาพบ้านก็เป็นบ้านไม้สองชั้นเหมือนเดิมเลยมีเปลี่ยนแปลงก็พวกต้นไม้รอบบ้าน
คุณป้าก็ชวนทานข้าวและชวนให้ค้างคืนที่บ้านด้วย ฉันก็เลยรีบตอบตกลง ตอนเย็นคุณลุงก็มา
และก็มีเด็กสาววัยมัธยมกลับมาจากโรงเรียน ฉันก็ถูกแนะนำว่ามาออกหน่วยและก็มาส่งบ้านและก็ขอพักด้วย
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเดินทางกลับ ฉันก็ได้ช่วยทำกับข้าว ช่วยทำงานบ้าน และที่สำคัญฉันได้เข้าไปทำความสะอาดห้องของฉัน
ไม่ซิเคยเป็นห้องของฉัน และเป็นห้องของฉันหนึ่งคืน ปอรู้ไหมเป็นห้องของใคร
ปอตอนนี้ฉันขนลุกมาก 
ฉันจะร้องไห้ไปด้วยและพูดให้แกฟังไปด้วยนะ ก็เป็นห้องของไผ่หนะ
ฉันเห็นรูปเขาในห้อง ฉันก็เลยวิ่งไปขอทะเบียนบ้านจากคุณป้าดูปรากฏว่าใช่
แกเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม

หน้า 8

ปอแกรู้ไหมฉันนอนร้องไห้ทั้งคืน
ฉันขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทำให้ฉันได้พบเจอเรื่องต่าง ๆ มากมาย
ทั้งเรื่องที่สุขและเรื่องที่ทุกข์ ขอบคุณพระพุทธศาสนาที่ทำให้ฉันได้ศึกษาถึงแม้จะไม่ลึกจนฉันสามารถนำไปเผยแผ่ศาสนาได้แต่พระพุทธศาสนาก็ทำให้ฉันได้มีชีวิตที่มีความสุข สงบ ไม่คิดโกรธ เบียดเบียนใคร ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ
ไม่กลัวความตายถ้ามันจะมาก็พร้อมยอมรับ เพราะเราทำวันนี้ดีที่สุดแล้ว
ปอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้กอดแขนของคุณป้าคุณลุง
นอกจากที่ฉันได้กอดพ่อกับแม่และญาติ ๆ ของฉันเลยละ
และก็ขอบคุณนะปอที่เกิดมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เกิดมาเป็นเพื่อนกัน”



คำสำคัญ (Tags): #กมลแก้ว
หมายเลขบันทึก: 517381เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2013 21:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม 2013 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น่าสนใจครับผม

ขอให้เขียนบ่อยๆนะครับ

นายชยันต์ เพชรศรีจันทร์

ครับ เห็นด้วยนะครับ เขียนบ่อยๆ นะครับ จะติดตามอ่าน

ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านนะครับที่กรุณาอ่านและแสดงความคิดเห็นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท