ผู้บรรยาย : ผศ.ดร.สุชาดา ภัยหลีกลี้
ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มการดื่มสุราของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งต้องเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต หลายต่อหลายครั้งที่เราได้ยินได้ฟังข่าวคราวเกี่ยวกับปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม และโศกนาฏกรรมซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสติสัมปชัญญะของผู้ดื่ม ในแต่ละปี แนวโน้มของปัญหาเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการดื่มสุรา จากข้อมูลการจัดอันดับขององค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ พบว่า คนไทยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นอันดับที่ 50 ของโลกในปี 2541 เพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับที่ 40 ในปี 2544 และปริมาณการดื่มประมาณ 8.5 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งได้มีการคาดการณ์อนาคตว่าการดื่มจะเพิ่มมากขึ้น 1เท่า ในทุก 3 ปี และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสถิติของสานักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจ การดื่มแอลกอฮอล์ใน ปี (2539-2547) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยปี 2540 ปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 27.1 ลิตร เพิ่มขึ้นเป็น 39.3 ลิตรในปี 2550 โดยมีสัดส่วนการดื่มของเพศชายมากกว่าเพศหญิง 2-5 เท่า
การดื่มสุราส่งผลให้ความสามารถในการทำงานลดลง ความสูญเสียที่เกิดจากประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลงนี้ ถือเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจของการดื่มสุรา นอกจากนี้แล้ว การดื่มสุรายังก่อให้เกิดต้นทุนอื่นๆ อีกด้วย เช่น ต้นทุนด้านการรักษาพยาบาล ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาสังคม เป็นต้น ต้นทุนเหล่านี้คือสิ่งที่สังคมต้องแบกรับ
สุราก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 4 ประการ
1. Cost to health and welfare system ผลกระทบต่อระบบสุขภาพคือทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล และการดูแลผู้ป่วย ผู้พิการ รวมทั้งการสูญเสียงบประมาณเรื่องการรณรงค์
2. Productivity costs การสูญเสียผลิตภาพ เช่นการที่มีคนตายก่อนวัยอันควร ศักยภาพการทำงานลดลงจากการป่วยแล้วต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้เกิดการขาดงาน
3. Costs to low enforcement and criminal justice system การบังคับใช้กฎหมาย ความยุติธรรม เช่นการสูญเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินคดี
4. Other costs : property destruction / fire and accident ความสูญเสียอื่นๆ เช่นทรัพย์สินเสียหาย
ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ จากการศึกษาในรูปแบบของการวิเคราะห์ต้นทุนความเจ็บป่วย (Cost of il ness) โดยทาการประเมินต้นทุนในมุมมองของสังคม ซึ่งเป็นต้นทุน เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น (External cost) และทำการประเมินต้นทุนเฉพาะที่เกิดจากผลกระทบด้านลบจากการบริโภคแอลกอฮอล์(Gross cost)การศึกษานี้แบ่ง การศึกษาต้นทุนเป็น ต้นทุนทางตรง ได้แก่ ต้นทุนค่ารักษาพยาบาล , ต้นทุนการบังคับใช้กฎหมายและการฟ้องร้องคดีความ, ต้นทุนทรัพย์สินที่เสียหายจากอุบัติเหตุจราจร และต้นทุนทางอ้อม ได้แก่ ต้นทุนการสูญเสียผลิตภาพจากการเสียชีวิตก่อนถึงวัยอันควร และต้นทุนการสูญเสียผลิตภาพ จากประสิทธิภาพในการทางานที่ลดลง ซึ่งจากการศึกษา พบว่า ต้นทุนหรือความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ เกิดจากการบริโภคแอล กอฮอล์ ในปี พ .ศ. 2549 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 156,105.4 ล้านบาท โดยที่ต้นทุนทางอ้อมคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 149,592.5 ล้านบาท (ประมาณร้อยละ 95.8 ของต้นทุนทั้งหมด) ซึ่งจำแนกเป็นต้นทุนจากการสูญเสียผลิตภาพจากการเสียชีวิตก่อนถึงวัยอันควร 104,128 ล้านบาท (ร้อยละ 66.7 ของต้นทุนทั้งหมด) ต้นทุนจากการสูญเสียผลิตภาพจากการขาดงานและการขาดประสิทธิภาพขณะทางาน45,464.6 ล้านบาท(ร้อยละ 29.1 ของต้นทุนทั้งหมด) ในขณะที่ต้นทุนทางตรงคิดเป็นมูลค่า 6,512.9ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.2 ของต้นทุนทั้งหมด โดยจาแนกเป็น ต้นทุนค่ารักษาพยาบาล 5,491.2ล้านบาท (ร้อยละ3.5 ของต้นทุนทั้งหมด) ต้นทุนจากทรัพย์สินเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุจราจรทางบก 779.4 ล้านบาท (ร้อยละ 0.5 ของต้นทุนทั้งหมด) และต้นทุนจากการบังคับใช้กฎหมายและการฟ้องร้องคดีความ 242.4 ล้านบาท (ร้อยละ 0.2 ของต้นทุนทั้งหมด) ตามลาดับ ทั้งนี้พบว่าความสูญเสียเหล่านี้มีมูลค่ารวมคิดเป็นร้อยละ 1.99 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ โดยเมื่อคิดต้นทุนดังกล่าวต่อหัวประชากรจะมีค่าประมาณ 2,485 บาทต่อคนต่อปี
ไม่มีความเห็น