ลุงตู่ หรือตูบ ชายชราอายุ 71 ปี คนเสมือนไร้รากหง้า ซึ่งยังคงไร้สัญชาติและไร้บ้าน ในชุมชนนางเลิ้ง


ลุงตู่ หรือตูบ ชายชราอายุ 71 ปี คนเสมือนไร้รากหง้า ซึ่งยังคงไร้สัญชาติและไร้บ้าน ในชุมชนนางเลิ้ง


ชื่อ – สกุล : นายชาญ สุจินดา (ลุงตู่ หรือตูบ)

วันเดือนปีเกิด : พ.ศ. 2484 อายุ : 71 ปี

สถานที่เกิด : ซอยตรอกสะพานยาว (ตลาดนางเลิ้ง) ถนนพะเนียง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

มารดา : นางผิว กิจเกษม สัญชาติไทย

บิดา : นายป่วน สุจินดา

จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดา : 3 คน

จำนวนพี่น้องต่างบิดาหรือมารดา 4 คน

เอกสารประจำตัวบุคคล บัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เลขที่ 0-1008-89000-xx-x

ที่อยู่ 19 ซอยสุนทรธรรมทาน แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

การศึกษา สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากเรือนจำลาดยาว กรุงเทพมหานคร

อาชีพ เก็บขยะขายในชุมชนนางเลิ้งและทำความสะอาดวัด

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ความเป็นมา

นายชาญ สุจินดา หรือลุงตู่ ชายชรา อายุ 71 ปี เกิดในประเทศไทยและอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาโดยตลอด แต่เป็นคนเสมือนไร้รากเหง้า เนื่องจากเดิมไม่มีเอกสารพิสูจน์ตน และญาติพี่น้องใกล้ชิดนั้นได้เสียชีวิตไปหมดจนต้องอยู่ตามลำพังไม่มีคนดูแล ลุงตู่อาศัยรวมกับกลุ่มของคนเร่ร่อนอยู่ที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) มีห้องนอนเป็นลานคอนกรีตไร้หลังคาบริเวณใต้ต้นโพธิ์วัดแคนางเลิ้ง มากว่า 20ปี ประกอบอาชีพเก็บขยะขายในชุมชนนางเลิ้งและทำความสะอาดวัด ได้รายได้เดือนละประมาณ 2,000 บาท

ในปี พ.ศ. 2554 ประธานชุมชนจึงพยายามช่วยเหลือโดยพาลุงตู่ ไปทำบัตรประชาชน แต่ถูกเจ้าหน้าที่อำเภอปฏิเสธเนื่องจากลุงตู่ไม่มีเอกสารของบิดามารดา พี่น้อง รวมถึงปฏิเสธที่จะรับฟังพยานบุคคลในชุมชน ซึ่งยืนยันถึงครอบครัวลุงตู่ว่าเป็นคนสัญชาติไทย เกิดในประเทศไทย และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาโดยตลอด จึงทำได้เพียงบันทึกลุงตู่ไว้ในทะเบียนประวัติ ทร. 38 ก และออกบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือบัตรเลข 0 เพื่อระบุตัวตนและบันทึกลุงตู่ในฐานะราษฎรไทยตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร

ปัจจุบันลุงตู่จึงยังเป็นคนเสมือนไร้รากเหง้า แม้จะมีรัฐไทยรับรองความเป็นบุคคลตามกฎหมายของลุงตู่ แต่ความเป็นผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทยของลุงตู่นั้นยังคงไม่ได้รับการรับรอง แม้ว่าลุงตู่จะมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย คือ มีบุพการีเป็นคนสัญชาติไทย และเกิดในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันนำไปสู่สิทธิในสัญชาติไทยของลุงตู่อย่างชัดเจน แต่ยังไม่อาจพิสูจน์หรือสืบประวัติบุพการีและญาติพี่น้องแก่เจ้าหน้าที่รัฐได้ ดังนั้น ลุงตู่จึงตกเป็นคนไร้สัญชาติ เนื่องจากไม่ได้รับการบันทึกว่ามีสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร

ประวัติการเกิด นายชาญ สุจินดา (ลุงตู่)

เมื่อกล่าวย้อนไปถึงความเป็นมาและครอบครัวของลุงตู่ ลุงตู่เกิดในประเทศไทย ตั้งแต่พ.ศ. 2484 มีมารดา ชื่อ นางผิว กิจเกษม สัญชาติไทย (เสียชีวิต) และบิดาชื่อนายป่วน สุจินดา สัญชาติไทย (เสียชีวิต) ลุงตู่มีพี่น้องร่วมบิดาและมารดารวม 3 คน ลุงตู่เป็นบุตรคนที่สาม ทั้งนี้ มารดาของลุงตู่นั้นได้แต่งงานหลายครั้ง ลุงตู่จึงมีพี่น้องหลายคน แต่ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงพี่ชายต่างบิดา 1 คน ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อนายสว่าง สังข์ทอง หรือลุงแกละ ชายสัญชาติไทย เกิดปี พ.ศ. 2475 อายุ 80 ปี ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ตำบลพันเสา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

เนื่องจากลุงตู่เกิดใน พ.ศ. 2484 ซึ่งประเทศไทยเพิ่งเริ่มจัดทำทะเบียนราษฎรทั่วไป โดยพระราชบัญญัติทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2499 และในช่วงนั้นอยู่ระหว่างการเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง จึงเป็นไปได้ว่าเหตุที่ลุงตู่ไม่มีสูติบัตร (แจ้งเกิด) เนื่องจากไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล แต่คลอดกับหมอตำแยในชุมชนวัดแคนางเลิ้ง จึงเป็นผลให้ลุงตู่ตกหล่นจากการบันทึกในทะเบียนราษฎร รวมถึงในปี พ.ศ. 2485 เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร น้ำท่วมนานประมาณ 1 เดือน ถนนที่ใช้สัญจรปกติกลายสภาพเป็นคลอง ต้องเดินทางด้วยเรือ จึงเป็นไปได้ว่ามารดาและบิดาของลุงตู่ไม่สามารถเดินทางไปแจ้งเกิดทางทะเบียนได้ และต่อมาในปี พ.ศ. 2516 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในตรอกสะพานยาว ชุมชนนางเลิ้ง ซึ่งเพลิงได้รุกลามเป็นบริเวณกว้างเกือบถึงโรงภาพยนต์เฉลิมธานี[1] ทั้งทรัพย์สิน และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของลุงตู่จึงถูกเพลิงเผาไปจนหมดสิ้น ดังนั้น ความตกหล่นทางทะเบียนราษฎรจึงเกิดจากเหตุผลหลายประการ ทั้งเหตุผลของการจัดทำทะเบียนราษฎรซึ่งเพิ่งเริ่มจัดทำเป็นการทั่วไปในประเทศไทย มหาอุทกภัย สภาวะสงครามโลก และการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในชุมชนนางเลิ้ง ส่งผลให้ พยานหลักฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ความเป็นผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทยของลุงตู่จึงมีเพียงพยานบุคคล ซึ่งจะเชื่อมโยงความเป็นผู้สืบสายโลหิตระหว่างลุงตู่กับบุพการี และพยานชุมชนผู้ยืนยันสถานที่เกิดในประเทศไทยของลุงตู่

ประวัติครอบครัว นายชาญ สุจินดา (ลุงตู่)

มารดาของลุงตู่ ชื่อ นางผิว กิจเกษม หญิงเชื้อชาติไทย สัญชาติไทย เกิดปี พ.ศ. 2446 ตามใบมรณะบัตรระบุสถานที่เกิดว่าเกิดในประเทศไทย (เสียชีวิตวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2489) ไม่ทราบตัวบิดาและมารดา มีภูมิลำเนาที่ บ้านเลขที่ 80 ตรอกตลาดนางเลิ้ง ตำบลโสมนัส อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

เดิม นางผิว อยู่กินกันฉันสามีภรรยากับ นายแสวง สังข์ทอง แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน จึงรับ นายปลอด  กิจเกษม มาเป็นบุตรบุญธรรม นายปลอดเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2472 (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2486 นายปลอดได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยากับ นางเล็ก แซ่ตั้ง (ป้าเล็ก) หญิงสัญชาติไทย ถือบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 3-1008-00417-xx-x

หลังจาก นางผิว รับนายปลอดเป็นบุตรบุญธรรม ในปี พ.ศ. พ.ศ. 2475 นางผิว ได้ให้กำเนิด นายสว่าง สังข์ทอง (ลุงแกละ) ที่ซอยตรอกสะพานยาว (ตลาดนางเลิ้ง) ถนนพะเนียง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ลุงแกละถือบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 3-1006-00867-xx-x ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ ตำบลพันเสา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

ต่อมา นางผิว ได้เลิกกับ นายแสวง และมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับบิดาของลุงตู่ คือ นายป่วน สุจินดา(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และมีบุตรด้วยกัน 3 คน บุตรคนแรกคือ นายสัญญา กิจเกษม (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ถือบัตรประจำตัวประชาชนแลขที่ 3-1199-00252-xx-x บุตรคนที่สองคือ นางสละ เรืองลาภ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ถือบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 3-1002-02509-xx-x และบุตรคนที่สามคือ นายชาญ สุจินดา (ลุงตู่ หรือตูบ) คนไร้สัญชาติ ถือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เลขที่ 0-1008-89000-xx-x

จากนั้น นายป่วน ได้เลิกรากับ นางผิว และสมรสใหม่กับ นางผิน (ไม่ทราบนามสกุล) และมีบุตรด้วยกัน 2 คน คือนายจู๋ สุจินดา และนายขาว สุจินดา ซึ่งเมื่อบิดาและมารดาของลุงตู่แยกทางกัน ลุงตู่อาศัยอยู่กับมารดา ในซอยตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้ง แต่ต่อมาเมื่อ นางผิว เสียชีวิต ในวันที่ 29 มกราคม 2489 น้องสาวของนางผิว ชื่อ นางเยื้อน โชติโกมล (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) จึงรับลุงตู่ และพี่น้องมาเลี้ยงดูที่บ้านของตน ในตรอกสะพานขาว ตลาดนางเลิ้ง ถนนพะเนียง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ โดยปัจจุบันคือบ้านเลขที่ 225/8-9 ถนนพะเนียง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ นางเยื้อน สมรสกับ นายสุทัศน์ โชติโกมล (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และมีบุตรด้วยกัน 7 คน ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2516 เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในชุมชนนางเลิ้ง ทำให้บ้านและทรัพย์ของ นางเยื้อน ถูกไฟไหม้จนหมด ครอบครัวของ นางเยื้อน จึงย้ายมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 206/25 ถนนตรอกนางเลิ้ง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ แต่ภายหลังก็ถูกขายไป

ด้วยเหตุผลของสภาพครอบครัว สภาพสังคม และโอกาสในการศึกษาสมัยนั้น ช่วงปี พ.ศ. 2501 –  2520 ตั้งแต่วัยเยาว์ลุงตู่ถูกจำคุกและเข้าออกเรือนจำอยู่เป็นประจำ หลายครั้งถูกจำคุกในข้อหาอันธพาล ซึ่งเป็นข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงในยุคสมัยของรัฐบาลทหาร หลังจากพ้นโทษจากเรือนจำครั้งสัดท้าย ประมาณ พ.ศ. 2533 จึงกลับมาอาศัยอยู่ที่ชุมชนตลาดนางเลิ้ง และอาศัยรวมกับคนเร่ร่อนอยู่ที่ใต้ถุนโบสถ์วัดแคบางเลิ้ง มีอาชีพเป็นคนเก็บขยะในชุมชนและทำความสะอาดวัด ได้รายได้ประมาณ   2,000 บาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันทางวัดกำลังปรับปรุงใต้ถุนวัด ดังนั้น กลุ่มคนเร่ร่อนในวัดรวมถึงลุงตู่จึงถูกห้ามอาศัยอยู่ใต้ถุนวัด และต้องออกกมานอนตรงลานคอนกรีตเปิดโล่งใต้ต้นโพธิ์ในบริเวณวัด ดังนั้น ลุงตู่จึงเป็นภาพสะท้อนสำคัญถึงคนเร่ร่อนซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร และแม้ว่าจะมีข้อเท็จจริงทั้งการมีบุพการีเป็นคนสัญชาติไทย การเกิดในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักอย่างดีในชุมชนนางเลิ้วว่าอาศัยอยู่ในชุมชนมาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทยต่อนายทะเบียนได้ จนส่งผลให้ไม่ได้รับสิทธิทางการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม และกลายเป็นคนไร้บ้านในเมืองใหญ่

หมายเหตุ : ขอขอบคุณข้อเท็จจริงของลุงตู่ ซึ่งได้มาจากการศึกษาของนักศึกษา ภาคบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำทีมโดยคุณสายชล สิมะกุลธร คุณเทพสุดา เกรียรติสุขสถิตย์ และคณะทำงาน ซึ่งจัดทำรายงานวิชาหลักชีพนักกฎหมาย น. 461 กรณีศึกษาชุมชนวัดแคนางเลิ้ง โดยให้ความช่วยเหลือ นายชาญ สุจินดา ให้ได้รับการรับรองสิทธิในสถานะบุคคล


[1]ตำนานนางเลิ้ง : ว่าด้วยถนนพะเนียง อันเนื่องมาจากโครงการตำนานนางเลิ้ง คณะบริหารธุรกิจ มทร.พระนคร < http://ird.rmutp.ac.th/old/files_upload/tumnannanglerng.pdf >

หมายเลขบันทึก: 514524เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2012 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม 2013 15:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 เป็นบันทึกที่งดงามมากนะครับ...และขอเป็นกำลังให้ลุงตู่ด้วยนะครับ

Large_picture997089

สวัสดีปีใหม่ นะครับ คุณ siwanoot

ปีใหม่ 2556 นี้ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้คุณsiwanoot. พบแต่ความสุข ความสมหวังตลอดปีและตลอดไปครับ

อยากใหห้ระบุชื่อสายชลและคณะ ผู้สอบปากคำเคสตั้งแต่ต้น

บันทึกนี้เป็นส่วนในภาคผนวกไหมคะ 

น่าจะออกแบบบันทึกในภาคผนวกแล้วยัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท