ผมไม่เข้าใจเลยว่า ตอนนี้มันยังไม่หมดยุคของการพัฒนาที่คิดจะไปทำอะไรให้ชาวบ้าน ไปช่วยชาวบ้านอีกเหรอ!!ในแท้ที่จริงแล้วเรานักพัฒนาทำได้เพียงไปเรียนรู้จากชาวบ้านและร่วมแลกเปลี่ยน สร้างกระบวนการคิด เพื่อสร้างพลังการทำงานร่วมกับชาวบ้านชาวบ้านเป็นผู้รู้ที่สำคัญ...เห็นน้องๆที่เรียนด้านสังคมส่วนใหญ่ พอออกค่ายก็อ้างว่าจะไปช่วยชาวบ้าน ไปพัฒนาให้ยั่งยืน หรือคนที่จบใหม่ๆก็บอกว่าจะเอาแนวคิด ทฤษฏีไปให้ชาวบ้าน (เห้อ) เมื่อสองวันที่แล้วมีนักศึกษาสายพัฒนาชุมชน ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคกลาง โทรศัพท์มาหาเพื่อนที่ทำงานของผมมีรายละเอียดการพูดคุยคร่าวๆดังนี้
นักศึกษา : พี่ค่ะหนูมาจากคณะพัฒนาชุมชนค่ะ พอดีพวกหนู่อยากจะจัดค่ายค่ะ มีกันประมาณ 80 คน
เพื่อน : ให้พี่ช่วยอะไรได้บ้าง
นักศึกษา : พี่มีพื้นที่ๆ กันดาร ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่าค่ะ หนูอยากจัดค่ายเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน
เพื่อน : น้องจะมาทำค่ายกี่วันครับ
นักศึกษา : 1 วันค่ะ
เพื่อน : ( พวกเราหันมามองหน้ากันและพยายามกลั้นหัวเราะ คิดในใจจะพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืน เขาทำกันเป็นสิบๆปียังไม่ได้เลย ) พี่มีโครงการเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านถนนอยู่น้องสนใจไหม มาช่วยพี่นับรถบนถนนที่เป็นจุดเสี่ยง พี่จะทำงานร่วมกับชาวบ้านเพื่อสร้างความปลอดภัยในอนาคต
นักศึกษา : ค่ะ เดี๋ยวหนูลองถามเพื่อนก่อนค่ะ
...................................................................(หายไปพักใหญ่)......................................................
นักศึกษา : พี่ค่ะมีโรงเรียนที่ต้องการให้พวกหนูไปทาสีเครื่องเล่นหรือเปล่าค่ะ พอดีสีพวกหนูเหลือ
โจทย์คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน..........เห้อ ......ได้แต่นั่งเกาหัวและถามตัวเองว่า.....มหาลัยเองสอนกันอย่างไร ถึงเวลาที่จะเลิกมอง ชนบทแบบโรแมนติค ไม่รู้ หลังเขา ต้องไปช่วยพัฒนา ได้หรือยัง
ในฐานะคนที่จบสายพัฒนามาเหมือนกันได้แต่แอบเสียใจเบาๆ.........
สวัสดีค่ะคุณ คำรณ
อย่าเพิ่งเศร้านะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้.. ...นี่หล่ะค่ะหน้าที่ของเรา (คนรุ่นก่อน ที่ผ่านประสบการณ์ตรงมาแล้ว) จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ แนะนำกันจะทำให้สังคมเราดีขึ้นค่ะ ถึงจะช้าก็ยังมีความหวังนะค่ะ:-))
ขอบคุณมากครับ คุณ วรรณชไม น่าคิดครับว่า นักศึกษา ที่จบมาสายพัฒนาสังคมถ้ายังมีแนวความคิดเช่นนี้ ต่อไปในอนาคต เขาจะมีพื้นที่ยืนอีกหรือไม่ เพราะปัจจุบันคนที่เรียนด้านอื่นๆ กลับเข้าใจชุมชนได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ