เสียดาย...
เสียดาย ๆ วัน เวลา ที่ผ่านไป แต่เราเองก็ไม่สามารถเรียกร้องให้วัน เวลา เหล่านั้น กลับคืนมาได้ทางพุทธศาสนา ก็ได้แต่สอนว่า...ปล่อยไป ตามกาลเวลา...มีใครสักกี่คน ที่คิด คำนึงถึงว่า...มันน่าเสียดาย เวลาในแต่ละวันที่มันผ่านไป วันแล้ววันเล่า เวลาแล้วเวลาเล่า...ถ้าเราทำอะไรสักอย่างที่มันก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ตัวเรา ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ มันจะดีกว่าหรือไม่ ...ดีกว่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไป ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์
ย้อนคิดเช่นกันกับเรื่องความรู้ที่มีอยู่ในตัวคนแต่ละคน ถ้าไม่มีการจัดการความรู้ออกมาสู่สาธารณชนให้รับรู้ รับทราบ ความรู้มันก็จะถูกกลืนหายไปกับสังขาร + กาลเวลา นั่นเอง แต่ถ้าเราจัดการกับมันได้ โดยเขียนไว้ในบล็อก เป็นการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ความรู้มันก็จะอยู่ในบล็อก ถ้าใครเปิดอ่านก็จะคิดว่า บางเรื่องเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ไม่มากก็น้อย แต่ก็จะมีประโยชน์อย่างมากถ้าเกิดกับผู้อ่านที่เกิดเหตุการณ์แบบที่ได้อ่านนั้นจริง ๆ...แล้วใครล่ะ ที่จะเป็นผู้แจกแจงความรู้ของแต่ละคนออกมาให้ผู้คนได้อ่าน ถ้าไม่ใช่ตัวของเราเอง...คนแล้ว คนเล่า รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ผ่านไปกี่ช่วงสมัยไม่มีใครรู้ ใครทราบ แต่ถ้าได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ๆ ได้ทราบและสามารถนำไปปรับใช้กับตนเองและเป็นประโยชน์ต่อไปได้ในอนาคต
ผู้เขียนก็ได้แต่นึกเพียงแต่ว่า “เสียดาย” เท่านั้น เพราะไม่มีคำไหนเหมาะสมเท่ากับคำ ๆ นี้ “เสียดาย”...คนเราสามารถทำหรือเขียนเท่าที่ตัวเราสามารถทำได้...
ค่ะเสียดายที่ผ่านไป แต่เริ่มใหม่ได้ทุกเวลาที่มีโอกาสแล้วก็รีบทำไว้เท่าที่ทำได้ไม่วางเฉยนะคะ