ในการประชุมระดมความคิดเพื่อพัฒนางานวิจัยรับใช้สังคม ที่ สคช. จัดโดย สกว. เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ย. ๕๕ เริ่มด้วยประเด็นวิธีการสอนเทคนิคการวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาที่มีรายวิชาสอนไม่ใช่น้อย แต่บัณฑิตที่จบส่วนใหญ่ทำวิจัยไม่เป็น ที่สำคัญที่สุดคือสังเคราะห์ประเด็นจากการประมวลความรู้ โยงสู่การตั้งโจทย์วิจัยไม่เป็น ผลลัพธ์จากการวิจัยในปัจจุบันจึงไม่มีอะไรใหม่ ไม่ตอบโจทย์สำคัญที่มีอยู่มากมายในพื้นที่
ที่จริงการประชุมนี้ เชื่อมโยงกับแผนงานสนับสนุนงานวิจัยในชุมชน/ท้องถิ่น ของ สกว. และเชื่อมโยงกับเครือข่ายวิจัยในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ การพูดคุยจึงเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ในระดับปริญญาตรี ที่จะช่วยให้ นศ. มีการเรียนรู้ในรูปแบบของ 21st Century Learning และ นศ. ได้ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบันและอนาคต ที่เรียกว่า 21st Century Skills ซึ่งหมายความว่า นศ. ต้องเรียนให้เลย “ความรู้” ไปสู่ “ทักษะ” การเรียนของ นศ. จึงต้อเน้นลงมือทำ
ผมจึงปิ๊งแว้บว่า เรื่องที่กำลังคุยกันอยู่นั้น เป็นเรื่องการเรียนรู้ ๓ ชั้น คือ (๑) การวิจัยแก้ปัญหา หรือเพื่อพัฒนา ในพื้นที่ (๒) การเรียนวิชาหรือทฤษฎี ในมิติความเข้าใจที่ลึก และเชื่อมโยงกับชีวิตจริง และ (๓) เรียนรู้วิธีพัฒนาทักษะด้านการวิจัย
ที่สำคัญคือ สามารถทำกิจกรรมเดียว ได้ผลทั้ง ๓ ด้าน ในทำนองยิงกระสุนนัดเดียว ได้นก ๓ ตัว
กิจกรรมนี้ อาจเรียกว่า “การเรียนโดยทำโครงการ” (Project-Based Learning - PBL) โดยจะเรียนในวิชาใดก็ได้ แต่อาจารย์ผู้สอนต้องคิดโจทย์ที่จะช่วยให้ นศ. คิดโครงการของตนได้ โดย นศ. ควรทำงานนี้เป็นทีม ทีมละ ๓ - ๕ คน และจะยิ่งดีหากโครงการนั้นเข้าไปทำในที่จริง สถานการณ์จริง และมีการปรึกษาผู้นำชุมชนหรือผู้ทำงานในสถานที่นั้นๆ ด้วย กรณีนี้จะได้การเรียนรู้ ข้อ ๑ ข้างบน
จะยิ่งดี ถ้าอาจารย์ ๒ - ๓ คน ที่สอน นศ. กลุ่มเดียวกันในต่างวิชา จะรวมตัวกันคิดโจทย์PBL โจทย์เดียว ที่ใช้เรียน ๓ วิชาได้ และในขั้นตอนการทำโครงการ ทีม นศ. แต่ละกลุ่มทำ BAR และ AAR เป็นระยะๆ ว่าที่ทำงานนั้น ต้องการเรียนรู้อะไรในเชิงทฤษฎี และเมื่อทำไปแล้ว เกิดการเรียนรู้อะไรบ้าง ยังไม่ได้ความเชื่อมโยงกับทฤษฎีใดบ้าง ก็จะได้การเรียนรู้ ข้อ ๒
การเรียนรู้ ข้อ ๑ และ ๒ เกิดแก่ นศ. ส่วนข้อ ๓ หวังให้เกิดแก่อาจารย์
อาจารย์ควรเขียน “บันทึกครูสอนวิจัย” (Teacher Log Book on Research Teaching) ตอบคำถามชุดหนึ่งที่ โค้ช ของอาจารย์จัดกระบวนการให้อาจารย์ร่วมกันกำหนด เป็นคำถามเกี่ยวกับทักษะ หรือขีดความสามารถ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ช่วยให้ทำวิจัยได้ดี และทบทวนวิธีดำเนินการที่ช่วยหรือไม่ช่วยฝึกทักษะ หรือขีดความสามารถนั้นๆ
เมื่อเอา “บันทึกครูสอนวิจัย” ของครูหลายๆ คนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน โดยมีผู้ที่รู้เรื่องวิจัยพอสมควร ทำหน้าที่ Sharing / Learning Facilitator จะเกิดความรู้ความเข้าใจวิธีพัฒนาทักษะด้านการวิจัย ตามวัตถุประสงค์ข้อ ๓
ในที่ประชุม มีผู้เสนอให้จัดหลักสูตรฝึกอบรม เพื่อให้เกิดความรู้ความสามารถในการเป็นนักวิจัยระดับเทพ ผมชี้ว่า ไม่มีทางที่การเรียนเทคนิคการวิจัยแบบรับการฝึกอบรม จะทำให้ได้นักวิจัยขั้นเทพ อย่างมากก็ได้แค่ขั้นเริ่มต้น แล้วต้องไปฝึกฝนโดยการลงมือทำ และเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์สูง เอาเอง จึงจะค่อยๆ พัฒนาเป็นนักวิจัยขั้นเทพได้
ผมลืมบอกไปว่า ผมเองไม่คิดว่าตนเองเป็นนักวิจัยขั้นเทพ
การเรียนรู้สมัยใหม่ สามารถออกแบบให้ “ทำงานน้อย ได้เรียนมาก” ได้
วิจารณ์ พานิช
๒๒ พ.ย. ๕๕
ต้อง....เรียนให้เลย “ความรู้” ไปสู่ “ทักษะ” การเรียน ....จึงต้อง .... เน้น...ลงมือทำ
ขอบคุณมากค่ะท่าน อจ.หมอ
ขอบพระคุณ อาจารย์ มากค่ะ
ได้ความรู้ และ แนวคิด ในการหันกลับมามองตนเอง ได้มากทีเดียว ว่า "บทบาท การเป็นอาจารย์ สอนหนังสือ" ต้องทบทวน พัฒนา ตนเอง ให้มากขึ้น ตลอดเวลา....
" สังเคราะห์ประเด็นจากการประมวลความรู้
โยงสู่การตั้งโจทย์วิจัยไม่เป็น
ผลลัพธ์จากการวิจัยในปัจจุบันจึงไม่มีอะไรใหม่
ไม่ตอบโจทย์สำคัญที่มีอยู่มากมายในพื้นที่"....
PO/PBL(project oriented/problem based learning) can be used in every level of education