ครูบาบินก้าว
ครูบา บินก้าว อิทธิภาโว จนอีหลีอีหลอ

การจาริก เมื่อครั้งเป็นพระมหาเถรสมาคม





เรื่องที่ ๑๑ ขอตั้งชื่อเรื่องว่า...  การจาริก เมื่อครั้งเป็นพระมหาเถรสมาคม

ย้อนเวลากลับไปกว่า ๒๐ ปี ช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. ๒๕๓๑ และ พ.ศ. ๒๕๓๒ ความเลือนลางในความทรงจำแห่งวิถีอนาคาริกครั้งแรกในการก้าวสู่การอุปสมบท ณ พระอโบสถวัดกลาง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ครั้งนั้น อาตมามีนามเดิมว่า นายสุเทพ นามสกุล ศรีพรหม โดย หลวงพ่อใหญ่ พระครูสุมณภาวนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า หรือนามเดิม พระประสาท ฉายา สุปัณฑิโต เป็นพระอุปัชฌาย์ และมี หลวงพ่อบัว ฉายา กัลยาโณ และ หลวงพี่ดำเนิน (จำฉายาไม่ได้แล้วเป็นคู่สวด) อาตมาได้รับฉายาว่า พระสุเทโว

หลังจากที่โยมพ่อแก่ และโยมแม่ ได้เสียชีวิตลงในเวลาใกล้เคียงกัน อาตมาเองซึ่งขณะนั้นเป็นครู...อยู่ที่โรงเรียนพุทธเกษตร ที่ อ.แม่ลาน้อย หมู่บ้านแม่ลามองใต้ ก็ได้ย้ายมาที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายกก่อนตัดสินใจลาออกมาเพื่ออุปสมบท...ความทรงจำช่วงนี้เลือนลาง...หากระลึกได้จะนำมาถ่ายทอดสู่กันอีกครั้ง

ครั้นบวชแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ครูอีกเลย การบวชเรียน แม้จะรู้มาตลอดว่า การมาเป็นภิกษุที่ส่วนมากเป็น ๆ กันมานั้นคืออย่างไร ? ทั้งในส่วนที่ปฏิบัติเคร่ง และ ประเภทย่อหย่อน

เมื่อมาเป็นพระเอง จึงรู้ถึงความต่าง...จากที่พบเห็นมา ด้วยมาชัดเพิ่มเติมว่า ความที่ได้ศึกษา ได้เรียน ได้ท่องจำ และพร้อมกันก็ฝึกนำความรู้เหล่านั้นมาเทศน์สอนญาติโยมเพื่อให้ละชั่ว ให้ทำความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ ให้สมาทานรักษาศีลอย่างนี้อย่างนั้น แต่ตนผู้เทศน์ ผู้สอนก็มองพฤติกรรมตนเองได้ไม่สนิทใจ เพียงพฤติกรรม ศีล ข้อ ๑ นี่ก็สอบไม่ผ่านแล้ว ดีที่ว่า อาตมามีหลวงพ่อใหญ่ที่เคยรับใช้ใกล้ชิด แม้กระทั่งการช่วยปลงผมท่าน ช่วยบีบนวดท่าน ฯลฯ มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัด ที่มีปฏิปทาให้เห็นเป็นแบบอย่างที่น่ากราบไหว้ ศรัทธา ฯลฯ

ปีรุ่งขึ้น จึงขอโอกาสกราบลาท่านมาเยี่ยมบ้าน ซึ่งอยู่ต่างตำบลและต้องเดินทางโดยรถยนต์ ๑๒ กิโลเมตร แล้วต้องลงเรือสองตอนที่มีความเร็วสูง ใช้เวลาเดินทาง อีก กว่า ๔๐ นาที จึงจะถึง... แท้จริงก็คือ การหาหนทางออกมาจากวัดและตั้งใจฝึกตนเองตามที่เชื่อว่าจะดีกว่าโดยอาศัยโรงเรียนที่เคยสอนเป็นจุดหมายแรก...และนั่น คือ การได้จาริก การได้ธุดงค์ไป ณ สถานที่ต่าง ๆ อย่างผู้เป็นอนาคาริกจักพึงกระทำ

มุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน

จากสุพรรณบุรี สู่แม่ฮ่องสอน เยี่ยมเยือนญาติโยมและลูกศิษย์ ออกจากแม่ฮ่องสอน ล่องสู่ภาคอีสาน จ.ศรีสะเกษ หวังร่วมงานปลุกเสก ฯ ก็เจอโจทย์จากพระอโศก อาจจะคือ หลวงปู่ชยสาโร เทศน์โปรด เรื่องการที่พระมีเงินเป็นการทำลายศาสนา ณ ที่นี้จึงได้สละเงินที่ติดตัวมา และนับว่า เป็นการก้าวย่างสู่ความเป็นไท...ถูกต้องสอดคล้องพระธรรมวินัยเป็นครั้งแรกทั้งรูปและนาม

ออกจาก ศีรษะอโศก มุ่งสู่ยโสธร อำเภอป่าติ้ว น้อมคารวะหลวงพ่อธรรมชาติ จำได้ว่า อาตมาได้ร่วมอยู่ปฏิบัติปริวาสกรรมล้างบางอาบัติน้อยใหญ่กับคณะสงฆ์ธุดงค์รวมนานกว่าสองเดือน ซึ่งจากนั้นไม่นาน ได้เกิดนิมิตรหลายอย่าง พาให้ จิตใจก้าวสู่ความประมาท ห่าม ท้าทายวิบากจนเกือบต้องจบชีวิต เรื่องที่ต้องขอบันทึก ก็คือ การที่ได้ฝึกตนโดยอาจหาญออกจาริกตามลำพังไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่เลี้ยง แต่สามารถทำได้ดั่งว่า.. นี้เป็นวิถีชีวิตที่คุ้นเคยมายาวนาน  ปิติได้เกิด ณ ที่นี่มากมาย รู้สึกว่า ตนเองมีบุญมากพอที่จะชดใช้วิบากกรรมที่ตนเองเคยกระทำไว้ จึงประกาศในใจว่า มาเลย.. เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมาได้เลย เราพร้อมใช้หนี้คืนแก่ท่านทั้งหลายในชาตินี้แล้ว และปรากฏการณ์แรก เช่น…

-  งู มานอนแนบหลัง กลางดึก

คืนนั้น หลังจากทำสมาธิแผ่เมตตาแล้วก็จำวัตรตามปกติ ในลักษณะนอนตะแคงขวาดั่งคุ้นเคย มารู้สึกตัวอีกครั้ง พบว่า มีอะไรอุ่น ๆ พิงแนบตลอดลำตัว จึงยันกายขึ้น และเอี้ยวตัวมองดู... จากแสงไฟที่สาดเข้ามาในกุฏิ ทำให้สะดุ้ง ตกใจเมื่อเห็นงูนอนเหยียดยาวขนานกับลำตัว จึงนึกในใจว่า... หากเจ้ากะเราไม่มีวิบากอาฆาตจองเวรต่อกันก็ขอให้ออกไปซะ แล้วก็เปิดชายกลด...สักครู่ เขาก็ค่อย ๆ เลื้อยออกไปผ่านแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ไม่ห่างกุฏินัก จากนั้น อาตมานั่งทบทวนว่า เรื่องนี้เกิดได้อย่างไรด้วยก่อนจำวัตร ก็มีสติเต็มกันตีนกลดทุกด้านอย่างเรียบร้อยและ และอีกประการหนึ่ง ธรรมชาติของงู น่าจะนอนขดเป็นวงกลมไฉน.. จึงนอนเหยียดยาวได้

-  กระแตมากินอาหารยั่ว

เรื่องนี้ เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง โดยก่อนนอนเมื่อวาน อาตมาตั้งตบะว่า รุ่งขึ้นจะงดฉันอาหารบำเพ็ญเพียรทางจิตอยู่ในความสงบ จากนั้นก็นั่งสมาธิหลับตาจนกระทั่งเช้า...เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ มารู้ตัวเมื่อมีเสียงเหมือนใครมาเคี้ยวข้าวเกรียบดังกร๊อบ ๆ อยู่หน้ากุฏิ เมื่อออกจากสมาธิเปิดตามองออกไป ก็พบเจ้ากระแตตัวน้อยไปเอาขนมไข่เต่ามาจากไหนไม่รู้ มานั่งแทะ นั่งเคี้ยวเสียงดังกร๊อบ ๆ ให้ได้ยิน... อาตมาก็บอก ขอบใจ ที่เธอมาช่วยเช็คใจฉัน... พอคิดดังนี้ เขาก็กระโดดจากไป การงดอาหารจึงเป็นเรื่องที่ได้ฝึกบ่อย ๆ จนบัดนี้

-  อุบัติเหตุที่ช่วยดึงสติ...คืนมา

จากการรู้สึกว่า ตนเองมีบุญมากพอที่จะชดใช้วิบากกรรม จิตจึงห่ามถึงขั้นประกาศท้าทายในใจ...ดังที่บันทึกข้างต้น ก่อนจำวัดค่ำนี้สิ่งทำเป็นปกติคือ การทบทวนตนเอง การตรวจตนเอง และการทำความตั้งใจ วันนี้นั่งสมาธิได้นานกว่าทุกวันมากเพราะเมื่อลืมตาก็เป็นเวลาเช้ามืดอีกไม่นานก็ออกโปรดญาติโยม ขณะนั่งหลับตาได้พบ ปรากฎการณ์ภาพเกิดในใจอย่างแจ่มชัดเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว คือ อาตมาเห็นตนเองออกโปรดสัตว์เดินไปเรื่อย ๆ ด้วยความสงบ สำรวมกับเพื่อนภิกษุ แล้วในภาพ พบว่า ขณะที่เดินไปถึงปากซอยหน้าบ้านโยมบ้านหนึ่งที่ไม่ห่างจากสวนธรรมร่วมใจ เห็นโยมสองแม่ลูกขี่รถเครื่องออกมาจอดที่ปากซอยตรงที่อาตมาเดินมาถึงพอดี และจังหวะที่โยมจะข้ามถนนนั้น ก็ได้ยินและเห็นรถสิบล้อซึ่งแผดเสียงดังผิดปกติแล่นข้ามฟากพุ่งมาหาโดยชนโยมสองแม่ลูกพร้อมอาตมากับเพื่อนพระเสียชีวิตคาที่...

อาตมาลืมตาขึ้นด้วยจีวรที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ...ก็ยังไม่ได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง จนกระทั่งเช้าได้เวลาออกบิณฑบาตซึ่งพบว่าหมอกลงจัดพอสมควร จึงออกไปรวมกับสงฆ์แล้วแยกสายกันไปหลายสาย อาตมาก็ไปกับพระภิกษุใหม่อีกรูปหนึ่ง โดยท่านบอกทางให้ เกือบ ๗ โมงเช้าขณะโปรดญาติโยมไปเรื่อย ๆ โดยก่อนจะกลับวัดนั้น ปกติอาตมาเดินโปรดสัตว์ก็จะมองเพียงช่วงแอกสายตาทอดลงเป็นประจำ แต่วันนี้ ไม่ทราบด้วยเหตุใดทำให้เงยหน้ามองในระดับสายตาทอดออกไปข้างหน้า ด้วยรู้สึกว่า เส้นทางข้างหน้าแม้จะสลัวด้วยหมอกซึ่งห่างจากจุดที่ยืนอยู่ซักร้อยกว่าก้าวเห็นจะได้ ช่างเหมือนกับที่เห็นในภาพนิมิตรเมื่อคืนซะจริง และขณะเดียวกัน ร่างกายอาตมาก็เกิดปวดท้องเยี่ยวขึ้นมาพอดี จึงบอกเพื่อนพระที่มาด้วยกันเพื่อขอเข้าป่าก่อน เมื่ออาตมาก้าวหลบข้างทาง เป็นป่าโปร่ง ๆ ก็เข้าไปไกลพอสมควรพอทำกิจเรียบร้อย หลวงพี่รูปนั้นคงเห็นว่า นาน ประกอบกับที่หมอกลง จึงตะโกนนิมนต์...และช่วงที่อาตมากำลังเดินกลับออกมา ณ จุดที่หลวงพี่ท่านยืนรอ นั้น เสียงรถสิบล้อก็แผดเสียงดังผิดปกติ แล้วแหกโค้งข้ามฟากไปยังจุดที่อาตมาเห็นก่อนจะเข้าไปทำกิจธุระ และขณะนั้นรถเครื่องพร้อมแม่ลูก คู่หนึ่งก็จอดอยู่ตรงนั้นก่อนจะขับข้ามฟากออกมาและรถสิบล้อก็พุ่งเข้าชนเสียงดังสนั่น...

หลังจากเหตุการณ์นี้ ได้กราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อธรรมชาติ ท่านก็แนะนำให้ถอนอธิษฐานที่ท้าทายวิบากนั้นซะ แล้วตั้งใจบำเพ็ญกุศลทำคุณงามความดีในชาตินี้ให้เต็มที่ ซึ่งอาตมาก็เชื่อและปฏิบัติมาจนบัดนี้

เรื่องราวตลอดเส้นทางที่จาริกนี้ นับว่า บางอย่างอยู่ในความทรงจำที่ค่อนข้างลางเลือนเต็มที และหลายอย่างที่จำแม่นไม่รู้ลืม ครั้นต่อมา ได้มาอ่านประวัติพ่อท่านก็สะดุดว่า...ทำไม บางส่วนจึงเหมือนสิ่งที่พ่อท่านได้ทำมาทั้งนั้น ยังกะเป็นเรื่องของคนเดียวกัน

-  จาริกต่อ... ประทับใจ เมื่อร่วมอุโบสถพร้อมหลวงปู่พุทธทาส

กราบลาหลวงพ่อธรรมชาติ ออกจาริกจากยโสธร มุ่งหน้าสวนโมกขพลาราม

จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากอยู่ปฏิบัติธรรมที่สวนธรรมร่วมใจจนพอสมควรแก่เวลาก็เดินทางต่อ โดยมีพระจากสวนธรรมขอติดตามมาด้วย จำได้ว่า ท่านนี้สักยันต์เต็มตัว แต่เดินทางร่วมกันไม่กี่วัน ท่านก็ขอแยกทางจากไป...อาตมา จึงล่องใต้ตามลำพังเช่นเดิม คราวนี้ ระหว่างทางมีโยมนิมนต์ให้ขึ้นรถย่นระยะทางอยู่บางช่วงเหมือนกัน...จำไม่ได้ว่า ตลอดเส้นทางทั้งหมดใช้เวลากี่วัน จนกระทั่งมาถึงสวนโมกขพลาราม ได้เข้าน้อมกราบหลวงปู่และขออยู่ปฏิบัติธรรมด้วย ก็ได้พักที่กุฏิในป่าด้านในอันสงบเงียบ และร่วมทำกิจของสงฆ์ตามสมควร

ความทรงจำช่วงนี้...ที่ประทับใจคือ การร่วมลงฟังสวดพระปาฏิโมกข์กับคณะสงฆ์สวนโมกข์ที่มีหลวงปู่เป็นประธานสงฆ์ เรื่องนี้ เมื่ออ่านใจตนเองแล้วก็เสมือน ครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรม ทรงภูมิธรรม แล้วเราได้ร่วมอยู่เป็นหนึ่งในจำนวนพระภิกษุเหล่านั้น อันจะยังผลให้เราเองก็จะได้มีความหนักแน่นมั่นคงในการลดละเอาชนะกิเลสได้มากขึ้น  โดยต่อมาก็ได้รับประสพการณ์อีกครั้งเมื่อ ปี ๒๕๔๗ ในการออกจาริก ที่สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อหลวงพ่อเจ้าคณะแขวงหลวงพระบางนิมนต์ร่วมฉันภัตตาหารและร่วมลงอุโบสถฟังสวดพระปาฏิโมกข์


เมื่ออุปสมบท เป็นสมณะในคณะสงฆ์สันติอโศก


ปีนี้ นั้น อาตมากับ ภันเต เดินจาริกสองรูป ตั้งแต่แขวงห้วยทราย-บ่อแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแม่สาย จ.เชียงรายของประเทศไทย เดินกันมาจนถึงแขวงหลวงพระบาง ก่อนจะต่อมาจนถึงนครเวียงจันทร์

ความประทับใจที่เกิดขึ้น เมื่อมาถึงวัด...ก็เข้าไปกราบท่านเพื่อขอพักค้าง ๑ ราตรี ด้วยใบหน้าที่แจ่มใส เต็มไปด้วยเมตตา ท่านให้สามเณรสองรูปมาดูแลปรนนิบัติรับใช้ และพาไปที่มณฑปงดงามมากเป็นที่พัก  โดยก่อนกราบลาท่านบอกว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งต้อนรับท่านเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ก็ให้พักในมณฑปหลังนี้

อาตมาประทับใจสามเณรสองรูปที่มีกิริยานอบน้อม ทำหน้าที่โดยความเคารพ

ซึ่งตลอดการอยู่พักที่แขวงหลวงพระบาง  ณ อารามหลวงแห่งนี้ ๑ คืน ๒ วัน ก็ได้รับการดูแลอย่างเอาใจใส่ ซึ่งอาตมาจะได้บันทึกให้ได้ติดตามในโอกาสต่อไป...




หมายเลขบันทึก: 511429เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2012 16:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 12:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท