การเขียนเชิงสร้างสรรค์ (Creative Writing)
เฉลิมลาภ ทองอาจ
โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้อ่านที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการอ่านวรรณกรรมปัจจุบัน คงเคยได้ยินชื่อของนักเขียนอาทิ ชาติ
กอบจิตติ อังคาร กัลยาณพงศ์
วินทร์ เลียววาริณ ปราบดา
หยุ่น เป็นต้น นักเขียนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ได้รับรางวัลซีไรต์
(S.E.A. Write ย่อมาจาก Southeast Asian Writers
Award) หรือ รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน อันเนื่องมาจากการสร้างผลงานด้านการเขียนที่มีความสร้างสรรค์ทั้งในด้านรูปแบบและเนื้อหา
คำว่า “สร้างสรรค์” ในที่นี้ หมายถึง มีลักษณะริเริ่มในทางดี เมื่อนำมาใช้กับเขียนจึงหมายถึงการเขียนที่แสดงความริเริ่ม
ซึ่งผู้เขียนจะต้องคิดค้นและเสนอผลงานการเขียนที่มีรูปแบบและเนื้อหาที่หลากหลาย
แปลกใหม่และไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบหรือกฏเกณฑ์ต่างๆ ตามที่เคยปฏิบัติสืบต่อมา การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า creative writing
จึงเป็นการเขียนที่ผู้เขียนสามารถสามารถแสดงอารมณ์ จินตนาการและความคิดได้อย่างอิสระ
และสามารถเลือกใช้วิธีการนำเสนอได้หลากหลายวิธี โดยส่วนใหญ่มักจะนำเสนอในรูปแบบของ เรื่องสั้น
นวนิยาย กวีนิพนธ์ บทละคร
บทภาพยนตร์ เป็นต้น
การศึกษาเรื่องการเขียนเชิงสร้างสรรค์ แบ่งได้เป็น
๓ ระดับ คือ
ระดับคำ
ระดับความและระดับรูปแบบ ดังนี้
๑.
การเขียนเชิงสร้างสรรค์ระดับคำ
คือ
การเลือกสรรถ้อยคำที่สื่ออารมณ์
ความรู้สึก หรือรสสัมผัสต่างๆ มาใช้ในการเรียบเรียงข้อความ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพตาม ซึ่งคำเหล่านี้มักเป็นคำที่มีเสียงหรือความหมายที่เน้นอารมณ์และความรู้สึก เช่น
คำซ้ำ คำซ้อน คำเลียนเสียงธรรมชาติ คำวิเศษณ์บอกคุณลักษณะ เป็นต้น
ตัวอย่างที่ ๑
“ฟักเปิดประตูเข้ามา ร่างทั้งร่างเปียกโชก ขี้โคลนจับเขรอะเป็นรอย บางแห่ง
มีดินติดเป็นปื้นๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยขี้โคลนสีดำๆ แม้แต่น้ำซึ่งไหลย้อย
ลงมาจากเส้นผมบนหัวผ่านลงมาบนใบหน้าก็มีสีโคลนเจือปนอยู่ด้วย”
(คำพิพากษา-ชาติ กอบจิตติ)
ตัวอย่างที่ ๒
“พออากาศฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น เป็นหมอกควันมืดมิดทุกทิศา
พวกสู้รบดูเหมือนไม่มีตา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
ประเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งเสียงเครงครึก ลั่นพิลึกโลกาสุธาไหว
เป็นฝนฟุ้งทุ่งท่าพนาลัย ทุกนายไพร่หนาวทั่วทุกตัวคน”
(พระอภัยมณี-สุนทรภู่)
๒.
การเขียนเชิงสร้างสรรค์ระดับความ คือ การเรียบเรียงข้อความให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพหรือรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้เขียน
ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เขียนมักใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ โดยนำวัตถุ
บุคคลหรือเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้อ่านมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนต้องการสื่อความหมาย การเรียบเรียบข้อความลักษณะนี้ เช่น การใช้สำนวน
คำพังเพย โวหาร ความเปรียบ
เป็นต้น
ตัวอย่างที่ ๑
“แม่น้ำยมข้างหน้าเราเชี่ยวกราก สีแดงขุ่นข้นของมันบิดเป็นเกลียว เหมือน จะม้วนสรรพสิ่งนานาชนิดลงไปกับมัน ภายใต้น้ำอันขุ่นข้นแดงจัด มันไหล เร็วและแรงเหมือนคนโมโหร้าย”
(สวนสัตว์-สุวรรณี สุคนธา)
ตัวอย่างที่ ๒
“เดือนตกไปแล้ว ดาวแข่งแสงขาว
ยิบๆ ยับๆ เหมือนเกล็ดแก้วอันสอดสอย
ร้อยปักอยู่เต็มผ้าดำผืนใหญ่ วูบวาบวิบวับส่องแสง ใหญ่แลน้อย
ใกล้แลไกล
บางดวงแสงหนาวดูเย็นนิ่ง บางดวงกะพริบพร่างพร้อย ดั่งดาวใหญ่น้อย แย้มยิ้มหยอกเอินกัน บางดวงสุขขาวเหมือนตาสาวน้อยลอบแลบ่าวหนุ่ม อยู่หลังแม่ บางดวงก็เก่าหม่นเหมือนถ่านไฟหมกไหม้ ก็มีพร้อมแล้ว”
(เจ้าจันท์ผมหอม-มาลา คำจันทร์)
ตัวอย่างที่ ๓
“ความรู้ผู้ปราชญ์นั้น รักเรียน
ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร ผ่ายหน้า
คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน วนจิต
กลอุทกในตระกร้า เปี่ยมล้นฤๅมี”
(โคลงโลกนิติ-สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
๓. การเขียนเชิงสร้างสรรค์ระดับรูปแบบ คือ
การเรียบเรียงข้อความแล้วนำเสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่จากรูปแบบที่นิยมมาแต่เดิม การเขียนเชิงสร้างสรรค์ระดับนี้มักพบในงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์
ดังจะเห็นได้จากนักเขียนในปัจจุบันได้ทดลองสร้างฉันทลักษณ์ของ คำประพันธ์ชนิดใหม่ๆ นอกเหนือจากร่าย โคลง
กาพย์ ฉันท์และกลอน ซึ่งเป็นคำประพันธ์ไทยที่มีมาแต่เดิม
นอกจากนี้
ยังพบในงานเขียนประเภทเรื่องสั้น
ซึ่งนักเขียนได้พยายามหากลวิธี
การนำเสนอที่น่าสนใจ
ทันสมัยและแตกต่างจากเรื่องสั้นทั่วไป
ตัวอย่าง
ทำไมฉันมาปรากฏกายที่นี่ ทำไมมีผู้คนมากมายเหลือเกิน ทำไมคนเราต้อง เดินทาง ทำไมหลายใบหน้าเศร้าจัง ทำไมมีคนร้องไห้ ทำไมมีคนกอดฉัน กอดกัดเพื่อ จากกันหรือกอดกันที่ได้พบกัน ทำไมมีคนโบกมือ โบกมือที่ได้พบกันหรือโบกมือที่ต้องแยกทางกัน ทำไมพวกเขาร้องไห้ ทำไมพวกเขาหัวเราะ ทำไมฉันมาที่นี่ ทำไมฉันต้องเดินทาง ทำไม.....
(ตุ๊กตา-วินทร์ เลียววาริณ)
การศึกษาเรื่องการเขียนเชิงสร้างสรรค์
และการฝึกหัดเขียนเชิงสร้างสรรค์จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งของเยาวชนโลกในปัจจุบัน
ที่มุ่งเน้นการค้นคว้าและผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาสังคมและโลก
____________________________________