หน้าแรก
สมาชิก
เอกชัย กศน.ผักไห่
สมุด
การทำงานของ เอกชั...
เครื่องแบบเต็มยศพ...
เอกชัย กศน.ผักไห่
นาย เอกชัย ยุติศรี
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
เครื่องแบบเต็มยศพนักงานราชการ ใส่ 3 ดอก ผิดแน่, จบ มสธ.ขอใบครู, คู่มือเตรียมเอกสารประเมินรอบ 3, ข้อมูลประเมินรอบ 3, ใครประเมินแต่ละตัวบ่งชี้, ครูคนพิการย้าย, ผู้ใหญ่บ้านต้องจบภาคบังคับคือชั้นใด, กก.สถานศึกษา, ค่าสอนวิชาชีพ
เริ่มเรียน มสธ.หลัง 19 ส.ค.53 คุรุสภาไม่รับรองแล้ว ต้องใช้วิธีเทียบโอน ซึ่งจะเทียบโอนได้บางมาตรฐาน
สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
9 เรื่อง ดังนี้
1.
คืนวันที่ 26 พ.ย.55 คุณ “เงียบ แต่ไม่โง่” ถามในหน้าเฟซบุ๊คผม ว่า
ผอ.กศน.อำเภอ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน บางครั้ง ผอ.ติดราชการ ให้ไปเป็นตัวแทน คุณสมบัติผู้จะเป็นผู้ใหญ่บ้านต้อจบการศึกษาภาคบังคับ การศึกษาภาคบังคับดูจากอะไรบ้าง
ผมตอบว่า
1)
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2479 ( ... -
พ.ศ.2502)
ประกาศใช้วันที่ 17
มีนาคม 2479
การศึกษาภาคบังคับ คือ ป.4
2)
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2503 ( .... -
พ.ศ.2519)
ประกาศใช้วันที่ 20
ตุลาคม 2503
การศึกษาภาคบังคับ คือ ป 7
3) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2520
ประกาศใช้วันที่ 31
มีนาคม 2520
การศึกษาภาคบังคับ คือ ป.6
4) พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.
2545
ประกาศ ณ วันที่ 31
ธันวาคม 2545
บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1
มกราคม 2546
การศึกษาภาคบังคับต้องจบ ม.3
แต่...
ผู้ที่จบการศึกษาภาคบังคับในช่วง พ.ศ.2505 - 2521
ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2503
ที่กำหนดให้จบ ป.7
เป็นเพียงบางพื้นที่บางโรงเรียนเท่านั้นที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นอกเหนือจากพื้นที่นี้จบเพียง ป.4
ก็ถือว่าจบการศึกษาภาคบังคับ
ตามหนังสือของกรมการปกครอง ที่ มท 0309 /
ว 27
ลงวันที่ 7
มกราคม 2536
ระบุว่า
การจบการศึกษาภาคบังคับ นอกจากจะพิจารณาว่าผู้ใดจบการศึกษาปีใด ชั้นใดแล้ว
ต้องพิจารณาว่าในท้องที่ใดกำหนดให้จบการศึกษาชั้นใดด้วย
2.
วันที่ 27 พ.ย.55 คุณ Sunsunee Sripromthong
ถามในหน้าเฟซบุ๊คผม ว่า
ในกรณีที่มีคณะกรรมการสถานศึกษาบางท่านลาออก จะต้องทำอย่างไร ขอระเบียนการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ
ผมตอบว่า กรณีกรรมการบางท่านลาออก ให้ทำตามข้อ 7
ในระเบียบที่
-
http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/808/754/original_gmg1.gif?1352988992
(
หน้า 1 )
-
http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/808/755/original_gmg2.gif?1352989006
(
หน้า 2 )
-
http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/808/757/original_gmg3.gif?1352989007
(
หน้า 3 )
3.
วันที่ 29 พ.ย.55 ท่านรองทรงสวัสดิ์ สนง.กศน.จ.อ่างทอง บอกผม ( ในช่วงประชุมการประเมินฯรอบสามที่ จ.นครนายก ) ว่า ให้นำเรื่องค่าตอบแทนครูผู้สอนวิชาชีพขึ้นเว็บ
ปัจจุบันการศึกษาต่อเนื่อง หรือหลักสูตรระยะสั้น ทั้ง 4 ประเภท (อาชีพ
ทักษะชีวิต
การ พัฒนาสังคมและชุมชน
การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง )
ใช้เกณฑ์การเบิกค่าใช้จ่ายฉบับเดียวกัน
คือ หนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0406.6/35474 ลงวันที่ 14 พ.ย.54 ( ดูหนังสือฉบับนี้ได้ที่
https://dl.dropbox.com/u/109014048/expense_study.pdf
)
ซึ่งกรมบัญชีกลาง
ยังให้เบิกค่าวิทยากรชั่วโมงละไม่เกิน 200 บาท
อยู่ หนังสือกรมบัญชีกลางฉบับนี้ เราขอเบิกชั่วโมงละ 200 - 800 บาท ตามจำนวนผู้เรียน แต่กรมบัญชีกลางยังให้เบิกชั่วโมงละไม่เกิน 200 บาท โดยไม่ระบุจำนวนผู้เรียน ( สำหรับจำนวนผู้เรียนตามนโยบายสำนักงาน กศน. แจ้งโดยกลุ่มส่งเสริมปฏิบัติการเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.55 ให้มีจำนวนหลักสูตรละ 15 – 20 คน ) เราพยายามขอเพิ่มเป็นชั่วโมงละไม่เกิน 1,200 บาท ก็ยังไม่ได้รับอนุมัติ
4.
วันเดียวกัน ( 28 พ.ย. ) พนักงานราชการ กศน.ประจวบฯ โทรมาถามผมว่า วันที่ 5 ธ.ค. พนักงานราชการแต่งเครื่องแบบเสื้อขาวกระโปรงดำได้หรือไม่
ผมตอบว่า ได้
พิธีประจำปีที่แต่ง
เครื่องแบบพิธีการ
แบบครึ่งยศเต็มยศ มีเพียงพิธีเดียว
คือพิธีวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5
ธ.ค.
เครื่องแบบพนักงานราชการมี 2 แบบ คือ เครื่องแบบปกติ ( ของ กศน. สีกากี ) กับเครื่องแบบพิธีการ ( เสื้อขาว )
เครื่องแบบพิธีการ กำหนดโดยคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ
เหมือนกันทุกกระทรวง ทุกกรม
ดูประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเรื่องเครื่องแบบพิธีการของพนักงานราชการ พ.ศ.2552 ได้ที่
https://dl.dropbox.com/u/109014048/CeremonialUniform.pdf
ในประกาศฉบับนี้กำหนดเพียงสั้น ๆ ว่า “เครื่องแบบพิธีการของพนักงานราชการให้ใช้เครื่องแบบพิธีการในลักษณะ
อย่างเดียวกันกับลูกจ้างประจำ
แต่อินทรธนูประดับเครื่องแบบพิธีการให้ใช้ตามแบบท้ายระเบียบนี้” อินทรธนูแบบพิเศษ มีดอกพิกุล 3 ดอก สำหรับพนักงานราชการพิเศษ (
กลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ )
ส่วนอินทรธนูแบบทั่วไป มีดอกพิกุล 2 ดอก สำหรับพนักงานราชการทั่วไป ( กลุ่มงาน
บริการ,
เทคนิค,
บริหารทั่วไป เช่น ครูอาสาฯ,
ครู กศน.ตำบล ฯลฯ )
โดยพนักงานราชการทั่วไปให้ใช้อินทรธนูแบบทั่วไปตลอดไป พนักงานราชการพิเศษให้ใช้อินทรธนูแบบพิเศษตลอดไป (
ดอกพิกุลนะครับ ต่างจากดอกชัยพฤกษ์ของข้าราชการ
)
เมื่อตามไปดู “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบลูกจ้างประจำ พ.ศ.2527” ( ดูได้ที่
https://dl.dropbox.com/u/109014048/UniformedEmployees.pdf
) จะเห็นว่า เครื่องแบบพิธีการ แบบครึ่งยศ เต็มยศ ของลูกจ้างประจำ ก็เหมือนกันกับข้าราชการนั่นแหละ ( เสื้อขาว กางเกง/กระโปรงดำ )
ฉะนั้น
พนักงานราชการ จึงแต่งเครื่องแบบพิธีกร แบบครึ่งยศ เต็มยศ เสื้อขาว กางเกง/กระโปรงดำ เหมือนข้าราชการ
ต่างกันที่อินทรธนู
เครื่องแบบพิธีการ แบบครึ่งยศ กับ เต็มยศ เหมือนกันตรงที่ เสื้อขาว
กางเกง/กระโปรงดำ ประดับเหรียญจริงแทนแพรแถบย่อ
ต่างกันแค่
เครื่องแบบเต็มยศสวมสายสะพาย
เครื่องแบบครึ่งยศไม่สวมสายสะพาย
พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ข้าราชการ
ที่ไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย
ก็แต่งเครื่องแบบพิธีการแบบเต็มยศไม่ได้ครับ ให้แต่งเครื่องแบบครึ่งยศ
การแต่งเครื่องแบบครึ่งยศไม่ใช่ง่าย
เพราะต้องประดับเหรียญจริงซึ่งมีราคาแพง ( เหรียญละ
500 กว่า ถึงเกือบ 2,000
บาท )
หลายคน
ยังหาเหรียญจริงไม่ได้ก็ต้องแต่งเครื่องแบบพิธีการครึ่งยศโดยไม่ต้องประดับเหรียญ
จะใช้แพรแถบย่อแทนไม่ได้ (
เหรียญที่ระลึกต้องหาเองอยู่แล้ว
เหรียญเครื่องราชฯก็เช่นกันระยะหลังถึงจะได้รับพระราชทานก็จะได้เฉพาะประกาศนียบัตรกำกับเครื่องราชฯเป็นหลักฐานว่าพระราชทานจริง
แต่เหรียญจริงได้เฉพาะหัวหน้า/ผู้บริหาร
ส่วนผู้ที่ไม่ใช่หัวหน้า/ผู้บริหาร ต้องจัดหา/จัดซื้อเอง )
วันที่ 2 ธ.ค.55 คุณ Sirirat Nunwong ถามในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบ ว่า
ทำไม ครู กศน.ตำบลบางท่านใส่อินทรธนูดอกพิกุล 3 ดอก ( บอกว่าทำงานครบ 3 ปี ใส่ 3 ดอก ) ถูกหรือผิด
ผมตอบว่า
ครู กศน.ตำบล ใส่อินทรธนูดอกพิกุล 3
ดอก ผิดแน่นอน 100 %
( เครื่องแบบพิธีการ กำหนดโดยคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เหมือนกันทุกกระทรวง ทุกกรม ไม่ได้ให้อำนาจแต่ละกรมกำหนดเอง อย่าว่าแต่ปลัดกระทรวงเลย แม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลง )
5.
วันที่ 29
พ.ย.55 ในช่วงกลางคืน ( การซักถามข้อสงสัยของผู้เข้าร่วมประชุมในห้องย่อย ) ของการประชุมชี้แจงเตรียมความพร้อมให้กับสถานศึกษาที่จะเข้ารบการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ที่โรงแรมภูเขางามรีสอร์ท นครนายก ท่าน ผอ.กลุ่มพัฒนา กศน.บอกว่า
1) การสำรวจข้อมูลตัวบ่งชี้ที่
1 (
ผู้เรียนมีสุขภาพกายและสุขภาจิตที่ดี ) ไม่ต้องสำรวจข้อมูลก่อนภาคเรียนที่ 1/55
เพราะ สมศ.เพิ่งประกาศตัวบ่งชี้การประเมินรอบสามเมื่อต้นปี 54
ซึ่ง กศน.ไม่เคยเก็บข้อมูลสุขภาพผู้เรียนมาก่อน
2) การสำรวจข้อมูลตัวบ่งชี้ที่เกี่ยวกับครูและนักศึกษา กศ.ขั้นพื้นฐาน อื่น ๆ ให้เก็บข้อมูล
3
ปี
การศึกษา
ย้อนหลัง
3) การสำรวจข้อมูลตัวบ่งชี้เกี่ยวกับ กศ.ต่อเนื่อง และอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับครูและนักศึกษา กศ.ขั้นพื้นฐาน ให้เก็บข้อมูล 3
ปี
งบประมาณ
ย้อนหลัง
4) การคำนวณผลสัมฤทธิ์ กศ.ขั้นพื้นฐาน ตัวบ่งชี้ที่ 5.1
นั้น
ตัวหารในการคำนวณค่าร้อยละ คือ
จำนวน
ผู้มีสิทธิ์สอบ
ทั้งหมด ไม่ใช่
จำนวน
ผู้เข้าสอบ
ทั้งหมด ( จำนวนผู้มีสิทธิ์สอบ
ไม่ใช่จำนวนผู้ลงทะเบียนเรียน แต่เป็นจำวนผู้ที่ไม่ติด มส. ) เพราะ
สมศ.บอกว่าถ้าใช้จำนวนผู้เข้าสอบเป็นตัวหาร สถานศึกษาก็จะให้แต่คนเก่งเข้าสอบ
ส่วนท่านเลขาธิการ กศน. บอกในตอนบรรยายพิธีเปิดประชุม ว่า ในช่วงที่ประเมินภายในโดยต้นสังกัด ให้จัดเตรียมเอกสารเป็น 26 ตัวบ่งชี้ ( 26 กล่อง ) แต่เมื่อคณะกรรมการประเมินภายนอกฯจะเข้ามาประเมิน ให้ยุบรวมเอกสารหลักฐาน เป็น 12 ตัวบ่งชี้ ( 12 กล่อง ) ตามตัวบ่งชี้ของ สมศ. ให้ออกคำสั่งแต่งตั้งบุคลากรให้ครบทุกคนทั้ง 12 ตัวบ่งชี้ เช่นถ้ามีบุคลากร 6 คน ก็คนละ 2 ตัวบ่งชี้ ถ้ามีบุคลากร 20 คน บางตัวบ่งชี้ก็ 1 คน บางตัวบ่งชี้ก็ 2 คน
นอกจากนี้ ท่านเลขาฯยังบอกว่า ให้ทาสีอาคาร กศน.อำเภอ ด้วยสีที่ไม่ฉูดฉาด แต่สดใส สว่างหูสว่างตา ดูดี ไม่ใช่สีแสดสีแดง
และต่อไปนี้ ไม่ว่า กศน.จังหวัด/อำเภอ จะทำโครงการใด เขียนป้ายทุกครั้ง ให้มีคำว่า
"การศึกษาตลอดชีวิต กศน.เพื่อประชาชน"
ด้วย
6.
ยังมีผู้ให้ข้อมูลผิด เป็นระยะ ๆ ว่า เรียน มสธ.สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ เช่นเอกหลักสูตรและการสอน จบแล้วขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ ในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบก็มีผู้ให้ข้อมูลผิดอย่างนี้ ทำให้มีผู้เข้าใจผิดเสียเวลาเสียเงินไปสมัครเรียนโดยหวังใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ไม่ได้ต้องการแค่ความรู้
วันที่ 30 พ.ย.55 ผมจึงเขียนให้ข้อมูลโต้แย้งในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบ ว่า เรื่องที่ว่าเรียน มสธ.สาขาวิชาศึกษาศาสตร์จบแล้วขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้นั้น เป็นข้อมูลเก่าเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ปัจจุบัน
ถ้าเริ่มเรียนหลัง 19
ส.ค.53
คุรุสภาไม่รับรองแล้ว ต้องใช้วิธีเทียบโอน ซึ่งจะเทียบโอนได้บางมาตรฐาน
ถ้าเรียนจบหลักสูตร สิ่งที่ได้คือ ได้
ความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานด้านการสอน-การอบรม-การเผยแพร่ความรู้
( ดูคำตอบของ มสธ.ที่
http://www.stou.ac.th/message/Information/Board/Question.asp?GID=34249
)
7.
วันที่ 30 พ.ย.55 ศน.สุพจน์ สนง.กศน.จ.สระบุรี ถามผมในเว็บบล็อก gotoknow.org
นี้ ว่า
ตัวบ่งชี้ที่
2.1
ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและชุมชน
ใครจะเป็นผู้ประเมินให้ (ในเอกสาร
หมายเหตุ
กรณีเป็นทั้งลูกและเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองพิจารณาประเด็น 1 - 6)
กับประเด็น
ชุมชน เพิ่งรู้ว่าหมายถึง นศ. ที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว (สถานพินิจ,
เรือนจำ,
สถานบำบัด ฯลฯ) อยากทราบว่า สถานศึกษาที่ผ่านประเมินแล้ว
ตัวบ่งชี้ 2.1
ใช้อะไรเป็นหลักฐาน
ผมตอบว่า อยากให้ทำความเข้าใจก่อน ( บุคลากร
กศน.จำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจ ) ว่า ข้อมูลเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
ที่ใช้ในการประเมินฯ ของทุกตัวบ่งชี้ แบ่งได้เป็น 2
ส่วนใหญ่ ๆ
คือ
1)
ข้อมูลเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับการดำเนินการ
สอน/ปลูกฝัง/ส่งเสริม/พัฒนา/ประชุม/อบรม
เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดลักษณะที่ต้องการ ( ลักษณะตามตัวบ่งชี้ )
เช่น โครงการ/กิจกรรม/แผนการจัดการเรียนรู้/แผนงาน/โครงงาน/กพช.
2)
ข้อมูลเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับการ "วัดผลประเมินผล" ว่า
หลังจากดำเนินการตามข้อมูลเอกสารหลักฐานในข้อ 1)
ไปแล้ว
กลุ่มเป้าหมายเกิดลักษณะที่ต้องการ ( ลักษณะตามตัวบ่งชี้ ) หรือไม่
อย่างไร ร้อยละเท่าไร ( กลุ่มเป้าหมาย 100
คน
เกิดลักษณะตามตัวบ่งชี้กี่คน )
เช่น
แบบประเมิน/แบบติดตาม/แบบบันทึก/แบบสอบถาม/แบบสำรวจรายการ/แบบทดสอบ
ข้อ 1)
นั้น สำคัญ เพราะเป็นงานของเรา เป็นสิ่งที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย
จะบรรลุเป้าหมายเกิดคุณภาพแค่ไหน ก็อยู่ที่การดำเนินการในข้อ 1.
ส่วนข้อ
2)
แม้จะเป็นเพียงการวัดผลประเมินผล
แต่ก็เป็นส่วนที่จะนำไปคำนวณออกมาเป็นคะแนนแต่ละตัวบ่งชี้
และโดยปกติต้องวัดผลประเมินผลจากกลุ่มเป้าหมาย
ทุกคน
จึงเป็นข้อมูลเอกสารหลักฐานที่สิ้นเปลืองกระดาษมาก ( ใช้แบบประเมิน
แบบติดตาม ฯลฯ มาก )
ในส่วนของตัวบ่งชี้ที่ 2.1
ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและชุมชน ก็เช่นเดียวกัน
คือมีข้อมูลเอกสารหลักฐาน 2
ส่วน โดยส่วนของการวัดผลประเมินผล
ไม่กำหนดเครื่องมือวัดไว้ตายตัว
แต่ละสถานศึกษาสามารถพัฒนาเครื่องมือวัดเองได้
แต่ต้องเป็นเครื่องมือที่ผู้ประเมินเชื่อถือ
มีผู้ออกแบบเครื่องมือวัดตัวบ่งชี้ที่
2.1
ไว้เป็น "
แบบประเมินการปฏิบัติตนของการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว/ชุมชน" โดย
ให้นักศึกษาประเมินตนเอง
ครับ
ไม่ว่านักศึกษาจะมีบุตรหรือไม่ อยู่คนเดียวหรือไม่
อยู่ในเรือนจำหรืออยู่กับญาติ ก็ให้นักศึกษาประเมินตนเอง
เพียงแต่ถ้าไม่มีบุตรหรืออยู่คนเดียวให้ตอบเพียงบางข้อ ( เวลาคำนวณ
เมื่อตอบจำนวนข้อไม่เท่ากัน ตัวหารก็ต้องไม่เท่ากัน )
เรานำแบบประเมินนี้ไปใช้ก็ได้
ในเอกสารของ สมศ. ที่พิมพ์ว่า "กรณีตนเองเป็นทั้งลูกและพ่อแม่
ผู้ปกครอง พิจารณาประเด็น 1-6 "
นั้น
ไม่ได้แปลว่าให้ผู้ปกครองประเมินนะครับ ( จะให้ใครประเมิน
แล้วแต่สถานศึกษาจะออกแบบ ) แต่หมายถึง กรณีตนเองเป็นทั้งลูกและ “เป็นทั้งพ่อแม่หรือผู้ปกครอง" ให้พิจารณาประเด็น 1-6"
ถ้าถามว่า ให้นักศึกษาประเมินตนเอง แล้วจะเชื่อถือได้หรือ
เรื่องนี้ กรรมการเขาจะดูข้อมูลเอกสารหลักฐานตามข้อ 1)
เป็นสำคัญ
ถ้าเขาเห็นว่าเราดำเนินการปลูกฝังพัฒนาต่าง ๆ ตามข้อ 1)
เข้มข้นดี
เขาก็จะเชื่อผลการวัดผลประเมินผลจามข้อ 2)
เอง
( นักศึกษาทุกคนต้องเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชนนะ เพียงแต่ถ้าอยู่ในเรือนจำ “ชุมชน” ก็หมายถึงในเรือนจำ )
8.
คืนวันเดียวกัน ( 30 พ.ย. )
คุณ
ดนุรักษ์ สุริยะ ถามผมทางอีเมล์ผ่าน gotoknow.org ว่า
ครูผู้สอนคนพิการสามารถย้ายพื้นที่การปฏิบัติงานจากอำเภอหนึ่งไปปฏิบัติงานอีกอำเภอหนึ่งได้หรือไม่
ผมตอบว่า เรื่องการย้ายของครูสอนคนพิการ ก็ลักษณะเดียวกับครู ศรช. คือเป็นไปตามสัญญาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง นายจ้างคือ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด ( ในสัญญาจ้างข้อ
1. ระบุอำเภอที่ปฏิบัติงานไว้ด้วย ) จะย้ายได้หรือไม่อยู่ที่ "นายจ้าง" คือแล้วแต่นโยบายของผู้บริหารแต่ละจังหวัด ( บางจังหวัดก็บอกว่าย้ายไม่ได้ ) เป็นอำนาจของท่าน ผอ.สนง.กศน.จังหวัดซึ่งเป็นผู้เซ็นสัญญา-ออกคำสั่งแต่งตั้ง จะให้ย้ายข้ามอำเภอภายในจังหวัดก็ได้ ถ้าเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ( ครู ศรช./ครูสอนคนพิการก็ต้องการย้าย กลุ่มเป้าหมายคนพิการอำเภอใหม่ก็มีรองรับ ผอ.อำเภอเดิมก็ยินดีให้ย้าย ผอ.อำเภอใหม่ก็ยินดีรับย้าย ผอ.จังหวัดมีนโยบายให้ย้าย ก็ย้ายได้ แต่ถ้าสั่งย้ายข้ามอำเภอโดยที่ลูกจ้างไม่ยินยอม อาจมีปัญหา "ผิดสัญญา" ) ส่วนวิธีการในแต่ละจังหวัดอาจแตกต่างกัน บางจังหวัดอาจรอให้หมดสัญญาสิ้นปีงบประมาณก่อน เมื่อทำสัญญาใหม่จึงเปลี่ยนอำเภอที่ปฏิบัติงาน
( ผอ.สนง.กศน.จังหวัด มีอำนาจอยู่ภายในจังหวัด ฉะนั้น ครู ศรช./ครูสอนคนพิการ จึงย้ายข้ามจังหวัดไม่ได้ )
9.
คืนวันที่ 3 ธ.ค.55 ท่าน ผอ.วิทยา กศน.อ.ทับปุด ได้นำคู่มือการจัดเตรียมเอกสารเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก
สมศ. ของ กศน.อำเภอเมืองพังงา และ กศน.อำเภอทับปุด มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊คกลุ่มคู่นอกระบบ ( กศน.อ.ทับปุดได้คะแนนประเมินรอบสาม 90 กว่าคะแนน สูงที่สุดใน จ.พังงา ) ผมดูแล้วมีประโยชน์มาก
ใครสนใจดาวน์โหลดได้ที่
https://dl.dropbox.com/u/109014048/tabput.doc
เขียนใน
GotoKnow
โดย
เอกชัย กศน.ผักไห่
ใน
การทำงานของ เอกชัย กศน. อ. ผักไห่
คำสำคัญ (Tags):
#ประเมินคุณภาพภายนอก
#พนักงานราชการ
#เครื่องแบบ
#ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
หมายเลขบันทึก: 511068
เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2012 21:30 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 14:58 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (3)
ครูทิพย์
เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2012 05:08 น. (
)
ขอบคุณค่ะ ที่นำมาแบ่งปัน ค่ะ
ปุญญิศา แสนบุ่งค้อ
เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2012 22:31 น. (
)
ขอบคุณสำหรับข่าวสารที่มีประโยชต่อการปฏิบัติงานค่ะ
เอกชัย กศน.ผักไห่
เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 05:03 น. (
)
ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
เอกชัย กศน.ผักไห่
สมุด
การทำงานของ เอกชั...
เครื่องแบบเต็มยศพ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท