ในปัญหาการใช้คนขององค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบันนั้น นอกจากเรื่องใจกว้างแล้ว ในอีกด้านหนึ่งควรจะมองเห็นส่วนดีของบุคลากรนั้น ๆ "ไม่ควรจะเรียกร้องเขาว่าต้องสมบูรณ์ เพียบพร้อมทุกอย่าง"หรือคอยฟื้นฝอยหาตะเข็บจับผิดจับถูกเขาอยู่เรื่อยไป
ถ้าหากจะให้คนในองค์กรหรือคนที่เราใช้ไม่มีข้อบกพร่องเลย ผลของมันก็จะทำให้ได้ แต่นักจัดตั้งธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่เรียกว่า
“เก่งทุกอย่าง” ก็จะไม่มีอะไรดีสักอย่างเดียว
คนที่มีความสามารถยิ่งสูงเท่าไร ข้อบกพร่องก็มักจะค่อนข้างเด่น
เมื่อเทียบการประมวลและผลลัพธ์แห่งความรู้ การมองไปในภาพกว้างหรือการมองในมิติของประสิทธิภาพอันกว้างใหญ่ไพศาลของมนุษยชาติแล้ว "อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งหลายก็เล็กนิดเดียว"
นักบริหารใดหากเห็นแต่จุดด้อยของคน แต่ไม่มองจุดดีของเขา "ตัวของนักบริหารเองที่แท้แล้วเป็นคนที่ผิดพลาดอ่อนแอ”
ตามมาเยี่ยมค่ะขอพลังแห่งความรักและความศรัทธาจงสถิตกับพวกเราตลอดไป
หากเหมือนเป็นการเล่นเกมส์ก็คงเป็นเกมส์แบบถ้าไม่อยากจะแพ้ก็หาทางเอาชนะให้ได้(dualism) ทั้งที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงชี้แจ้งให้เราได้รู้ว่า ธรรมชาตินั้น มีความเป็นกลาง ชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่มิติแบบเหรียญสองด้าน ถูก-ผิด เลว-ดี(Dualism )ดังนั้นเราสามารถที่จะดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาแบบ win-win strategyก็ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะด้วยสติของเรายังไม่เข้มแข็งเพียงพอ เราจึงมักเผลอไปใช้ปัญญาในระดับเพียงแค่สองมิติอยู่ อัตตาของเราก็คงจะแรงไปใช่หรือไม่จึงทำให้เราได้แต่คิดได้คิดเป็นอยู่แต่เพียงระดับของเหรียญสองด้านนี้เท่านั้น
ปล.อันนี้เป็นความคิดที่ผุดแวบขึ้นมาเองไม่เกี่ยวข้องกับใครๆหรือเหตุการณ์ใดๆ Seangjaยินดีรับผิดชอบในการแสดงความคิดเห็นนี้และพร้อมจะอธิบายให้ฟังถึงแนวคิดDualism ว่าคืออะไร หรือถ้าอจ.จอห์น จะเขียนบล็อกช่วยอธิบายเพิ่มก็ยินดี และขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ
เพราะคำว่า"หยกขาว"ชวนให้นึกถึงสภาพของการเป็นเหรียญที่มีสองด้านขึ้นมา
เป็นการบันทึกไว้เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเท่านั้นค่ะ