จากทาสทาน...สู่สามีทาน


 

จากทาสทาน...สู่สามีทาน

          ผมได้เรียนวิชา Buddhism and Living เป็นวิชาศึกษาทั่วไปที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามเปิดสอน ผมรู้สึกโชคดีมากที่เลือกลงเรียนวิชานี้ ได้แนวคิดดีๆหลักธรรมหลายอย่างมาปรับใช้กับตัวเอง บันทึกนี้ผมจึ่งใคร่ขอนำแนวคิดดีๆมาฝากญาติธรรมทุกท่านครับ



           การทำทาน คือหนึ่งในการทำบุญในพระพุทธศาสนาซึ่งมี 3 วิธีหลักๆเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 3 ได้แก่ ทาน ศีล และภาวนา

           ชนิดของทานมี 3 ประการ คือ การให้ทานในระดับที่ต่ำกว่าตนเองกิน ตนเองใช้ เรียกว่า ทาสทาน อานิสงส์ที่ได้รับคือจะได้ลาภที่เป็นของเก่าใช้แล้ว การให้ทานในระดับเดียวกันกับที่ตนเองกิน ตนเองใช้ เรียกว่า สหายทาน อานิสงส์ที่ได้รับคือจะได้ลาภในระดับเดียวกับที่ตนทำทาน และการให้ทานในระดับที่สูงกว่าตนเองกิน ตนเองใช้ เรียกว่า สามีทาน อานิสงส์ที่ได้รับคือจะได้ลาภที่ดกว่า ทาสทาน และสหายทาน



            ผมเองคาดว่าในอดีตชาติตนเองคงให้ทานชนิดทาสทาน ทำให้เกิดมาในวัยเด็กๆไม่เคยซื้อเสื้อผ้าหรือได้เสื้อผ้าใหม่เลย ได้แต่ใช้เสื้อผ้าเก่าของพี่และน้าๆ ซึ้งมีแต่ตัวใหญ่ๆ ตัวผมเองเล็กนิดเดียว ดูเหมือนเสื้อลอยได้ กางเกงถ้าเป็นขายาวขาก็ต้องพับ คิดดีๆมองตัวเองก็รู้สึกขำเป็นตัวตลกในสายตาผู้พบเห็นนั่นเอง จะมีเพียงชุดใหม่ไม่กี่ตัวชนิดที่เรียกว่า ชุดออกงาน ใส่ในงานบุญ งานสำคัญเท่านั้น




            คุณย่าผมทุกวันนี้ อายุ 80 กว่าปีแล้ว ท่านสุขภาพแข็งแรงมากชอบทำบุญทำทานไปปฏิบัติธรรมใกล้ไกล    แค่ไหนก็ไปขึ้นรถลงเรือสบายเที่ยวเหนือล่องใต้ไม่เคยวิงเวียนรถเรือเลย หนุ่มสาวหลายคนยังไม้สู้ ย่าจะชอบให้ทานผมเกิดมาไม่เคยเห็นย่าป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ บ้างก็เป็นไข้หวัดไม่กี่วันก็หาย ไม่โรคประจำตัวเลย และที่สำคัญลูกหลานญาติมิตรจะให้ความเคารพนับถือมากมีแต่คนหาข้าวของอาหารกินมาให้กินให้ใช้ มีของใช้ดีๆ มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ ผ้าไหมผ้านอกย่าก็ได้ใส่มีลูกหลานหามาให้ มีลูกหลานให้เงินใช้เดือนละหลายบาท ย่ามีความสุขกับการให้ทาน ย่าจะให้ทานอาหารบ้าง ทำบุญแทบทุกวัดในละแวกถ้าย่ารู้และไปทำทุกปีในทุกที่ที่ย่าเคยไป ผมสังเห็นว่าการทำทานทุกครั้ง ย่าจะใส่ใจในสิ่งที่จะให้ทาน ไม่ว่าให้ทานอะไร กับใคร




             ย่าจะพิถีพิถันเลือกให้ทานแต่สิ่งของดีๆและสอนให้ทุกคนให้ทานแต่สิ่งดีๆ ย่าจะย้ำสอนคองสิบสอง(ฮีตสิบสองคองสิบสี่=จารีตข้อปฏิบัติ)ข้อหนึ่งเป็นภาษาอีสาน ที่ว่า "อย่าเอาอาหารเงื่อนตนกินแล้ว ไปทานให้แก่พระสงฆเจ้า และอย่าเอาไว้ให้ผัวกินจะกลายเป็นบาปได้อันใดในชาตินี้และชาติหน้า" หมายความว่า อย่าเอาอาหารเหลือกินไปถวายพระหรือไปทำทาน และอย่าเอาให้สามีรับประทาน(กรณีเป็นหญิง)จะเป็นบาปทั้งชาตินี้และชาติหน้า แนวคิดและอานิสงส์การทำทานนี้นี่เองทำให้ย่าทุกวันมีชีวิตสุขสบาย มีข้าวของเครื่องใช้ที่ดี มีอาหารล้นเหลือ มีเงินทองใช้และทำบุญไม่ขาดสาย และที่สำคัญย่าไม่มีโรคใดๆเลย สุขภาพแข็งแรง มีแต่คนรักนับถือ

             ทุกวันนี้เรื่องทานทำให้ผมเกิดความคิดจากทาสทานสู่สามีทานและผมให้ทานทำบุญทุกครั้งจะพยายามทำแบบสามีทาน ใส่บาตรก็ใส่แต่ข้าวดีๆ ถ้ามีเงินน้อย ก็ซื้อน้อยชิ้นขอเป็นของดีมีคุณภาพ ให้เราคิดว่า "ถ้าพระเรียกให้มาเอาข้าวก้นบาตร เราจะหยิบอาหารหรือขนมประเภทไหนก่อน" อยากให้ทุกท่านญาติธรรมใส่ใจในการทำทานแต่ละครั้ง เพื่ออานิสงส์ที่ญาติธรรมจะได้รับทั้งชาตินี้และชาติหน้าจะได้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมนำมาฝากครับ





ขอบคุณ ความรู้แนวคิดดีๆจากอารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ : รศ.คร.นารีรัตน์ รักวิจิตรกุล
อ้างอิง:หนังสือพุทธศาสนากับการดำรงชีวิต

หมายเลขบันทึก: 510155เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2012 22:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013 00:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท