ระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า



          เป็นที่ตกลงกันทั่วโลกแล้วว่า หากจะให้ผู้คนในประเทศใดๆ มีสุขภาวะดี  ประเทศนั้นต้องมี ระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า  โดยที่มตินี้ ได้รับการรับรองจากสมัชชาสุขภาพโลก  และจากสมัชชาสหประชาชาติ

          แต่ละประเทศจะต้องมีระบบของตนเอง  เลียนแบบกันไม่ได้ทั้งหมด  เพราะแต่ละประเทศมีเงื่อนไขหรือบริบทแตกต่างกัน

          คำว่า “คุ้มครอง” ในที่นี้หมายความว่าประชาชนได้รับความคุ้มครอง  คือเข้าถึงบริการที่จำเป็นหรือต้องการได้ อย่างเท่าเทียมกัน  และการใช้บริการนั้นไม่เกิดภาระด้านค่าใช้จ่ายต่อประชาชนผู้นั้นจนเกินกำลัง  และในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่เกิดภาระต่อภาครัฐ หรือต่อสังคมจนเกินกำลังเช่นกัน 

          เรื่อง “ไม่เกิดภาระด้านค่าใช้จ่ายอย่างไม่สมเหตุสมผล” นี่แหละ ซับซ้อนอย่างยิ่ง  เป็นที่มาของการสร้างระบบที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค (ป้องกันปัญหาที่ต้นทาง) ยิ่งกว่าเน้นการรักษาโรค(แก้ปัญหาที่ปลายทาง) 

          ประเทศไทยเรามี สสส. เป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่ง ในการทำหน้าที่ที่ต้นทางของระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า  และทำหน้าที่อย่างชาญฉลาด  คือเน้นให้ตัวประชาชน และชุมชนใกล้ตัวเอง เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนขบวนการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 

          ระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า จึงต้องทำงานเชิงรุก และงานตั้งรับ อย่างสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกัน  ให้เกิดการลงทุนลงแรงน้อย ได้ผลมาก  งานเชิงตั้งรับ คือด้านรักษาโรค ก็ต้องมีทั้งระดับปฐมภูมิ รักษาโรคง่ายๆ  ทุติยภูมิ  และ ตติยภูมิ เป็นเส้นทางส่งต่อผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ  ต้องสร้างความเข้มแข็งของทุกระดับ  และหาทางลดการใช้บริการแบบข้ามขั้นตอน เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก 

          ต้องมีการวางยุทธศาสตร์ วางแผนของระบบ เพื่อทำงานรับมือกับปัญหาได้ตรงเป้า  จึงต้องรู้เป้าของแต่ละประเทศ  ซึ่งในภาพใหญ่เหมือนกันหมด  คือปัญหาสุขภาพในปัจจุบันที่ก่อความสิ้นเปลืองมากอยู่ที่โรคเรื้อรัง ที่เกิดจากวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสม (เช่นสูบบุหรี่  ไม่ออกกำลังกาย  กินอาหารมากเกินไป)  และอยู่ที่ประชากรสูงอายุมีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

          ในการประชุมคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ  Sir Gus Nossal กล่าวว่า ราคายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ไม่ได้ตั้งตามราคาต้นทุนของการผลิต  แต่ตั้งตามความสามารถของผู้ซื้อ ว่าพอใจซื้อในราคาเท่าไร  ฝ่ายผู้ซื้อเทคโนโลยีจึงต้องมีความสามารถในการประเมินความคุ้มค่าของเทคโนโลยีแต่ละชนิด  ว่าในบริบทของประเทศของตน เทคโนโลยีนั้นคุ้มค่าหรือไม่  ไม่ใช่ซื้อเทคโนโลยีตามประเทศที่พัฒนแล้ว เพื่อโชว์ความทันสมัย 

          โชคดีที่ประเทศไทยมีแผนงานประเมินเทคโนโลยีและนโยบายสุขภาพทำหน้าที่นี้  เป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า

          ระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ใช่ระบบที่หยุดนิ่ง  แต่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  มีแรงกดดัน หรืออิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ รอบด้าน  จึงต้องมีการวิจัยตรวจสอบเชิงระบบในแง่มุมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา  สำหรับเป็นเข็มทิศชี้ทางต่อการวิวัฒนาการระบบ  ให้วิวัฒน์หรือดีขึ้น ไม่ใช่วิบัติ หรือเสื่อม 

          ประเทศไทยเราก็โชคดีเช่นกัน ที่มีสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.​๒๕๓๕   ได้สร้างผลงานวิจัยเชิงระบบที่มีคุณประโยชน์มากมาย  ที่จริงโครงการคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า ที่เวลานี้จัดการโดย สปสช. เป็นองค์กรหลัก ก็มาจากผลงานวิจัยของ สวรส.  รวมทั้ง สสส. และ สรพ. ก็มาจากการวิจัยของ สวรส. ทั้งสิ้น

          มองจากประชาชน ผู้รับการคุ้มครอง  นักวิชาการบอกว่า ประชาชนต้องเข้าถึงบริการที่จำเป็น (Access)  อย่างเท่าเทียมกัน (Equity)  โดยที่บริการนั้นต้องมีคุณภาพดี (Quality)  ตรงคุณภาพนี้ ประเทศไทยเราก็มีสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) ทำหน้าที่ขับเคลื่อนคุณภาพของระบบริการสุขภาพทุกระดับ 

          ในการประชุม 2ndGlobal Symposium on Health Systems Research (31 Oct. – 3 Nov. 2012) ที่ปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๓๑ ต.ค. มีการนำเสนอเรื่อง การคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศ BRICs  คือ บราซิล  รัสเซีย  อินเดีย  และจีน  ผมประทับใจประเทศบราซิลมาก  ที่มีการวิจัยตรวจสอบการเสียดุลการค้าระหว่างประเทศ ที่เกิดจากระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้าด้วย  และวางยุทธศาสตร์ลดการเสียดุลย์ลง  โดยผลิตยาและเวชภัณฑ์ขึ้นใช้เอง 

          ประเทศไทยเรายังขาดการวิจัยระบบ ที่ตรวจสอบขนาดและแนวโน้มของการขาดดุลการค้า ที่เกิดจากระบบสุขภาพ 



วิจารณ์ พานิช

๑๔ พ.ย. ๕๕


หมายเลขบันทึก: 509774เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2012 14:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2012 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท