กว่าจะมาถึงตรงนี้ต้องพยายามกันมาก แต่มากแค่ไหนฝั่งก็ยังไกล เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในวงการสาธารณสุขมากหลังจากที่เราได้ปฎิรูประบบสุขภาพเป็นัลกประกันสุขภาพแห่งชาติแต่กว่า 1 ทศวรรษที่ไทยเราได้ใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลที่ได้เป็นเสมือนขยะที่ คีย์เข้ามาไม่ทราบว่ีาคีย์ทำไม คนคีย์เพราะว่าได้เงิน
มักมีคำถามเสมอว่าคีย์แล้วได้เท่าไหร่ แต่ท่านไม่ได้ทราบอนาคตเลยว่าที่คีย์ไป นั้นแหละมันกำหนดชีวติการทำงานของเราเลย ผมฟังผู้ดูแลระบบหลายโงพยาบาลท้อแท้ว่า ถ้าได้ข้อมูลมาน้อย นายจะว่า จะตบแต่งให้งดงามก่อนแล้วนำเสนอ ทำให้ข้อมูลสภาพของเราเต็มไปด้วยจริงและหลอกพอๆๆ กัน ยิ่งกว่าเรื่องแม่นาคพระโขนงอีก
ไม่รู้เป็นความผิดของใครแต่เป็นวงจรที่ฝั่งกันมากลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรระดับชาติ เหมือนคำกล่าวที่ว่าพัง ไม่ว่าเอาหน้าไว้ก่อน ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป้าหมายมี 50% ไม่ว่าคุณทำหรือไม่ทำแต่เชื่อว่าข้อมููลของท่านจะผ่าน 50% แน่นอนเพราะถ้าตกตัวชี้วัดนายด่า หรือเราเองก็รับไม่ได้ เราทำงานน้อยไปหรือ วันนี้ผมอธิบายการไหลข้อมูลสักเล็กน้อย
หรือคนมีคำถาม คีย์ทำไม คีย์ได้อะไร ไม่เห็นดูอะไรได้ คีย์ไปได้ตังค์ปะ คำถามเยอะ ทำต่อๆๆกันมาไม่รูํ้ทำเพื่ออะไร การทำงานที่ไม่รู้เป้าหมายเหมือนหลักลอย ทำไร่เลื่อนลอย การไหลของข้อมูลสารสนเทศทางทันตกรรมในส่วนที่ทำกับบุคคลเป็นดังนี้
โปรแกรม รพ. ---> 21 แฟ้ม มาตรฐาน ---> สปสช. และ สนย
สมการดูง่ายแต่ผล เยอะ สปสช. เอาข้อมู,ไปวางแผนเรื่องเงิน สนย. วางแผนนโยบายกลับมา
ท่านไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทำงานเยอะคนไม่เพิ่ม เงินไม่ได้ เพราะ สนย. เห็นว่าท่านคนเท่านี้ ทำงานได้เท่าเพื่อนเลยก็ไม่ต้องจัดสรรคเพิ่ม เงินก็ไม่ต้องให้ เพราะทำงานได้เท่ากัน ของก็ไม่จำเป็นครอบคลุมบริการแลัวด้วยเพราะทำได้หลายเปอร์เซ็น
แต่ความเป็นจริงคนที่รู้ว่าข้อมูลจริงคืออะไรคือคนทำงาน แต่บ้างครั้งคนทำงานก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าข้อมูลเป็นอะไร
กรำ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องการข้อมูล จริง ความจริง เพื่อการพัฒนาระบบข้อมูล
1.สำรวจความต้องการ
2.ปรับมาตรฐานการคีย์
3.สนับสนุนการบันทึก
4.นำไปใช้ข้อมูล
5. ตรวจสอบและ feedbackกลับ
6. สร้างแรงจูงใจ
ผมคงมาเล่าต่อนะครับสำหรับแผนการพัฒนาครับ
หมอรอง
ไม่มีความเห็น